จนท.เร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์นายทุนครอบครองพื้นที่ป่าพรุกว่า 1,500 ไร่

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเฮลิคอปเตอร์ขนน้ำ หวังดับไฟที่ป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดเสียหายแล้วกว่า 20,000 ไร่ ด้านเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง เร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ครอบครอง ขณะที่ก่อนหน้านี้สั่งเพิกถอนสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ป่าพรุผิดกฎหมาย ของกลุ่มทุนกว่า 2,000 ไร่

เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บรรทุกน้ำจากคลองชะอวด-แพรกเมือง เพื่อใช้ในการดับไฟที่ลุกไหม้ในป่าพรุ ที่บ้านท่าช้างข้าม ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลังถูกไฟลุกไหม้เสียหายหนัก และลุกลามไหม้สวนปาล์มน้ำมันของชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง

ขณะที่สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง พบพื้นที่ซึ่งเสียหายจากไฟป่าแล้วกว่า 9,000 ไร่ โดยต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นายเข้าระดมกำลังเข้าดับไฟ

นายสมชาย สุวรรณชาติ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดไฟป่าคือการบุกรุกพื้นที่ของกลุ่มนายทุน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์การครอบครองของกลุ่มต่าง ๆ บนเนื้อที่กว่า 1,500 ไร่ ว่าชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เพิกถอนสิทธิ์ไปแล้วทั้งในพื้นที่ สค.1 และ นส.3 ก เป็นเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่

ล่าสุดมีรายงาน ว่าเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามการเผาป่าพรุ สามารถจับกุมนายสมโชค หนูแก้ว ชาวบ้านหมู่ 6 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ขณะจุดไฟเผาป่า เพื่อบุกรุกที่เพิ่มเติม จากแปลงปาล์มน้ำมันของตัวเองจำนวน 50 ไร่ บริเวณป่าคลองฆ้อง อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการควบคุมตัวไปสอบสวน