สำรวจเส้นทางการเงินอดีตปลัดกลาโหม
วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ป.ป.ช.ใช้เวลา ประมาณ 1 ปี พบว่าบัญชีการเงินของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เคลื่อนไหวผิดปกติมากถึง 100 ล้านบาท แต่เบื้องต้นอายัดทรัพย์สิน เพียง 65 ล้านบาท เป็นทั้งเงินสดในบัญชีธนาคาร และทรัพย์สิน ที่ดิน 9 แปลง รถยนต์ 2 คัน ทั้งหมดอยู่ในชื่อของนางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยา และ ร.อ.(หญิง) ณิชาพัฒน์ บุตรสาวบุญธรรม แต่การอายัดทรัพย์ คดีนี้ ยังรวมถึงเงิน 11.9 ล้านบาท ในบัญชีของ ศ.สมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศ.สมบัติ เปิดเผยว่า รู้จักภรรยาและบุตรบุญธรรมของพลเอกเสถียร เมื่อปี 2554 เพราะเป็นอาจารย์พิเศษ แต่ไม่รู้จักพล.อ.เสถียร และระบุว่าภรรยาและบุตร พล.อ.เสถียร อ้างว่า มีปัญหาครอบครัว จะขอฝากเงินสดครั้งแรกจำนวน 18 ล้านบาท แต่ไม่ได้ระบุวันรับคืน จากนั้นจึงนำเงินไปฝากธนาคาร หลังจากนั้นภรรยาและบุตร พล.อ.เสถียร ขอเงินคืนอ้างว่าใช้ลงทุนซื้อที่ดิน และขอยืมชื่อเพื่อร่วมลงหุ้น หลังจากนั้น
อีกหลายเดือนถัดมา จนปลายปี 2555 ได้รับเช็คเงินสดจำนวน 27 ล้านบาท จากบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าท์ ทราบภายหลังว่า ซื้อที่ดินต่อจากภรรยาและบุตรสาว พล.อ.เสถียร และบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าท์ มีสถานะเป็นบริษัทมหาชน จึงต้องจ่ายเงินให้อาจารย์ ในนามผู้ถือหุ้นด้วย
อาจารย์สมบัติ ยอมรับว่า นำเช็คไปฝากในบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาท่าพระจันทร์ แต่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ แนะนำให้แบ่งเปิดเป็น 3 บัญชี เพื่อสะดวกต่อการถอนเงิน จากนั้นอาจารย์สมบัติ จึงได้ทยอยถอนเงิน เพื่อนำไปคืนให้ภรรยาและบุตรบุญธรรม พล.อ.เสถียร ทุกสัปดาห์ แต่ละครั้ง ถอนเงินจำนวนไม่เท่ากัน ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แต่ไม่เกิน 1.9 ล้านบาท ซึ่งภรรยาและบุตรบุญธรรม พล.อ.เสถียร จะไปรับเงินที่บ้านอาจารย์สมบัติ
ศ.สมบัติ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ ป.ป.ช.ระบุว่า อาจเกี่ยวข้องเป็นนอมินีของภรรยาและบุตรบุญธรรม พล.อ.เสถียร จากคดีการอายัดเงินและทรัพย์สินมูลค่า 65 ล้านบาท ซึ่งปปช.ยังพบว่ามีบุคลลอีกจำนวนมากในคดีนี้ เข้าข่ายเป็นนอมินีแบบเดียวกัน แต่อยู่ระหวางตรวจสอบเพื่อขยายผลต่อไป