จังหวัดระยอง ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเหตุน้ำมันรั่ว

จังหวัดระยอง ตั้งศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล ขณะที่นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลจริงทั้งปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล และ ชนิดของสารเคมีที่ใช้กำจัด

อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีเเละชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หารือถึงเหตุการน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลจังหวัดระยอง ส่งผลให้เกิดปัญหาคราบน้ำมันลอยถึงบริเวณอ่าวพร้าวเกาะเสม็ด และคราบฟิล์มบางของน้ำมันแพร่กระจายบนผิวน้ำทะเลเกือบถึงชายฝั่งทะเลบ้านเพ และ ปากน้ำแกลง

โดยที่ประชุมหยิบยกประเด็นการใช้สารเคมีสลายคราบน้ำมันในเหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553 ซึ่งพบว่าทิ้งผลกระทบสารก่อมะเร็ง และผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล ดังนั้นจึงเรียกร้องให้ผู้ดำเนินการบำบัดปัญหาคราบน้ำมันทะเลระยองครั้งนี้ เปิดเผยรายละเอียดชนิด และปริมาณสารเคมีที่ใช้ให้สาธารณะชนได้ทราบ

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่าสารเคมีที่ขจัดคราบน้ำมันมีชื่อว่า สลิคกอน (slickgone) ซึ่งเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดเดียวกับสบู่ มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยหารือกับกรมเจ้าท่าและกองทัพเรือก่อนใช้สารชนิดนี้แล้ว และใช้สารในปริมาณ 35,000 ลิตร ขณะที่ยืนยันปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลจากเรือมีไม่เกิน 50,000 ลิตร แต่คณะกรรมการตรวจสอบจะรายงานปริมาณที่ชัดเจนอีกครั้งภายใน 7 วัน

ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลเบิล เคมีคัล รั่วไหลกลางทะเล ประเมินความเสียหายและผลกระทบ พร้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร และจัดทำแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤติ