ตรวจสอบมลพิษรอบเกาะเสม็ดไม่พบสารปนเปื้อนอันตรายลดเกินค่ามาตรฐาน

สังคม
17 ส.ค. 56
13:57
180
Logo Thai PBS
ตรวจสอบมลพิษรอบเกาะเสม็ดไม่พบสารปนเปื้อนอันตรายลดเกินค่ามาตรฐาน

กรมควบคุมมลพิษ แถลงผลการตรวจวัดสารพิษปนเปื้อนรอบเกาะเสม็ด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลว่า ไม่พบว่าสารปนเปื้อนอันตรายเกินค่ามาตรฐานใน 12 หาด รอบเกาะเสม็ด ขณะที่ปริมาณสารปรอท ลดลงต่ำกว่าค่ามาตรฐานแล้ว

นักวิชาการ ด้านสิ่งแวดล้อมและภาคประชาชน ตั้งคำถามกับบริษัทพีทีทีจีซี เรื่องชนิดสารเคมี และปริมาณที่ใช้เพื่อสลายคราบน้ำมันดิบ ระหว่างการเสวนา "น้ำมันรั่วไหล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แค่ไหน" หลังเทียบเคียงการใช้สารเคมี สลายคราบน้ำมันรั่วไหล ในต่างประเทศแล้ว พบว่า บริษัท พีทีทีจีซีใช้สารเคมีในอัตราส่วนที่มากเกินไป ซึ่งอาจกระทบกับระบบนิเวศใต้ทะเล และประสิทธิภาพจริงในการกำจัดคราบน้ำมัน

ขณะที่ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยคุณภาพความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ของบริษัท พีทีทีจีซี ชี้แจงว่า ทุกขั้นตอนทำตามมาตรฐานการจัดการน้ำมันรั่วไหล จากนี้ จะเดินหน้าแผนฟื้นฟูผลกระทบทั้งในส่วนของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และสุขภาพของประชาชน

โดยจะนำแผนฟื้นฟูเบื้องต้น เข้าหารือกับรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคมนี้ ก่อนสรุป และตั้งคณะกรรมการพิจารณา ประสิทธิภาพของแผนดังกล่าวอีกชั้นหนึ่ง

ด้านเครือข่ายประมงพื้นบ้าน ระบุสาเหตุที่ไม่ยอมรับการชดเชยรายได้ 30 วัน เพราะจนถึงขณะนี้ ชาวประมงยังคงจับสัตว์น้ำได้น้อย เช่นเดียวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง จนส่งผลต่อยอดซื้อขายอาหารทะเล

ส่วนความคืบหน้าผลการตรวจวัดสารพิษรอบเกาะเสม็ด หลังกรมควบคุมมลพิษเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจ พบว่า คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งรอบเกาะเสม็ด 12 หาด ไม่พบสารปนเปื้อนอันตรายเกินค่ามาตรฐาน ส่วนปริมาณสารปรอท พบว่า ลดลงต่ำกว่า 0.1 ไมโครกรัมต่อลิตร ยกเว้นอ่าวพร้าวและอ่าวลูกโยน ที่ยังพบค่าปิโตรเลียมไฮโรคาร์บอนเกินมาตรฐาน คือ 5.7 กับ 1.3 ไมโครกรัมต่อลิตร จากมาตรฐานที่ 0.5 ไมโครกรัมต่อลิตร

ส่วนสถานการณ์การปนเปื้อนของคราบน้ำมัน บริเวณหาดทรายอ่าวพร้าว วันนี้กรมควบคุมมลพิษได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ด้วยการขุดชั้นทรายลึกลงไปประมาณ 20 เซนติเมตร พบว่า ยังคงมีคราบน้ำมันสะสม ส่วนการตรวจวัดค่าไอระเหยสารเคมีรวม หรือ ค่าวีโอซี ผู้อำนวยการส่วนปฎิบัติการฉุกเฉินและฟื้นฟู ระบุว่า อีก 2 สัปดาห์จากนี้ จะทราบผลว่าสารที่ตรวจพบ มีความเป็นอันตรายมากน้อยแค่ไหน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง