ซูเปอร์โพลหนุนรีเซตปฏิรูปการเมือง ขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน

การเมือง
10 ก.ย. 59
12:55
303
Logo Thai PBS
ซูเปอร์โพลหนุนรีเซตปฏิรูปการเมือง ขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน
ซูเปอร์โพลพบประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเริ่มต้นใหม่ หรือรีเซต เพื่อปฏิรูปนักการเมือง โดยเฉพาะการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ด้าน กรธ.ยอมรับต้องรับฟังความคิดเห็นหลายฝ่าย เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ รองรับเลือกตั้งในปี 2560

วันนี้ (10 ก.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร เป็นตัวแทนกรรมการการเลือกตั้งเข้าชี้แจงหลักการการยกร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.ได้หารือกันแล้วในประเด็นที่มีข้อเสนอให้ กกต.ต้องตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองล่วงหน้าว่า กรธ.เห็นว่าการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง หรือฝ่ายการเมืองควรให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการโดยไม่มีข้อจำกัด แต่กรณีที่นโยบาย หรือโครงการใด มีความซับซ้อน ต้องมีคำอธิบาย เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายต่อประเทศ

ส่วนข้อเสนอของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง ให้นำระบบสมาชิกในเขตเลือกตั้งเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครขั้นต้น หรือไพรมารี โหวต ก็ต้องพิจารณาว่าทางปฏิบัติเป็นไปได้หรือไม่ เพราะว่าวัฒนธรรมการเมืองของไทยอาจต่างจากประเทศตะวันตก ทั้งหมดนี้ ทำให้ กรธ.ต้องเปิดรับฟังความเห็นที่หลากหลาย

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ สปท.ที่จะให้มีการรื้อระบบสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ โดยเชื่อว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อสลายพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ในแง่การบริหารก็จะทำให้กลายเป็นรัฐบาลผสมที่ไม่มีความมั่นคง เช่นเดียวกับข้อเสนอให้ กกต.ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองก่อน จะเป็นปัญหาและทำให้ กกต.มีบทบาทเหนือพรรคการเมือง

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนช่วงระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน เรื่องโพล รีเซต ปฏิรูปการเมือง กับความต้องการของสาธารณชนต่อนักการเมืองในการปฏิรูปตัวเอง พบว่านักการเมือง คือกลุ่มคนที่ประชาชนเห็นว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งมากที่สุดถึงร้อยละ 86.3 รองลงมา คือสื่อมวลชนที่ร้อยละ 10.9 และเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่กำลังเสนอทางออกให้ประเทศที่ชอบมากที่สุด พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 69.1 ระบุว่า ไม่มีพรรคใดเลย ขณะที่ร้อยละ 14.6 ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ และอีกร้อยละ 11.5 ระบุว่าพรรคเพื่อไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง