ชลประทานเพชรบุรีเร่งผลักดันมวลน้ำท่วมลงทะเล หลังกระทบ ปชช. 4,000 ครัวเรือน

ภูมิภาค
3 พ.ย. 59
20:12
282
Logo Thai PBS
ชลประทานเพชรบุรีเร่งผลักดันมวลน้ำท่วมลงทะเล หลังกระทบ ปชช. 4,000 ครัวเรือน
ชลประทาน จ.เพชรบุรี เร่งผลักดันมวลน้ำที่รอการระบายและที่พร่องจากเขื่อนในพื้นที่ลงทะเล เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว หลังเหตุการณ์น้ำท่วมส่งผลกระทบกับประชาชน 4,000 ครอบครัว

วันนี้ (3 พ.ย. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์น้ำขังรอการระบายและปริมาณน้ำที่พร่องออกจากเขื่อนในพื้นที่ ในเทศบาลเมืองเพชรบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว 32 หมู่บ้าน ใน 6 ตำบล ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 4,000 ครัวเรือน

ขณะที่ใน อ.บ้านแหลม มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมเพิ่มเป็น 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 2,000 หลังคาเรือน ส่วนใน อ.บ้านลาด ระดับน้ำสูงขึ้น 3 นิ้ว เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ขณะนี้ มีน้ำหลากจาก อ.บ้านหม้อ เริ่มไหลเข้า อ.บ้านลาด

เบื้องต้น นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นำถุงยังชีพเเจกจ่ายให้กับประชาชนในอำเภอเมือง เพชรบุรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ด้าน นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเพชรบุรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเพชรบุรี ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเพชรลดลง 4 ซม. ส่วนระบายน้ำอยู่ในอัตรา 228 ลบ.ม.ต่อวินาที นอกจากนี้ ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 8 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำลงทะเล ซึ่งหากไม่มีน้ำทะเลจะหนุน และไม่มีฝนตกลงมา ประมาณ 2 ทุ่มคืนนี้ (3 พ.ย.) คาดว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลง และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3 วัน สถานการณ์ถึงจะเริ่มคลี่คลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วม แล้ว 147 หลังคาเรือน และพื้นที่การเกษตรเสียหายประมาณ 2,400 ไร่ ด้านจังหวัดกาญจนบุรีจึงร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ นำเอาอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค มอบให้กับชาวบ้านที่ไม่สามารถสัญจรออกจากพื้นที่ได้ พร้อมประสานความร่วมมือกับทางทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

ที่ ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ชาวนาต้องเร่งสูบน้ำออกจากนาข้าวตลอดทั้งคืนหลังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้นาข้าวในระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตถูกน้ำท่วมเสียหายแล้วประมาณ 600 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 23 ราย ทางเกษตรอำเภอโพธารามอยู่ระหว่างออกสำรวจความเสียหายและเร่งให้ความช่วยเหลือ

ที่ จ.สมุทรสงคราม นายมนัส สุดพวง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสมุทรสงคราม กล่าวว่า สถานการณ์น้ำจากแม่น้ำแม่กลองล้นตลิ่งเข้าท่วมตลาดแม่กลองและรอบตลาดร่มหุบ เป็นสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลจากน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง จากนั้นน้ำก็จะลงเข้าสู่ภาวะปกติ

นายมนัส กล่าวต่อว่า ส่วนเขื่อนแม่กลองขณะนี้ระบายน้ำอยู่ที่ 610 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะที่ระดับน้ำที่จะต้องประกาศเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วมอยู่ที่ 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงไม่มีการประกาศเตือนน้ำท่วม เพราะเขื่อนยังคงระบายน้ำอยู่ในภาวะปกติ และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง