ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถิติบ่งชี้ว่าผู้หญิง 1 ใน 3 คน จะถูกคุกคามทางเพศบนรถโดยสารสาธารณะมากที่สุด ซึ่งการคุกคามในที่นี้มีตั้งแต่คำพูด สายตา ไปจนถึงการถูกเนื้อต้องตัว ขณะที่ยังมีสถิติด้วยว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัว หรือไม่กล้าดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
ความกลัวลักษณะนี้ยิ่งทำให้ปัญหาการคุกคามทางเพศรุนแรงมากขึ้น แต่เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิงพยายามรณรงค์ให้ผู้หญิงก้าวข้ามความกลัวและต่อสู้กับการถูกคุกคาม
ในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะจำนวนมาก จนเกิดการเบียด เสียดถูไถตามร่างกายของผู้หญิง นั้นเป็น 1 ในพฤติกรรมการคุกคามทางเพศ ที่พนักงานขสมก. บอกว่าพบบ่อยมากที่สุด แต่กลับมีผู้ร้องเรียนน้อยมากเพราะส่วนใหญ่อายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางสุพร คงคาชาติ พนักงานขสมก. บอกว่า ทุกครั้งที่รับผู้โดยสารหญิง พนักงานขสมก. บอกว่าจะต้องทำหน้าที่ดูแลผู้โดยสารด้วย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง และหากเป็นผู้หญิงขึ้่นมาจะบอกเลยเดินหน้าแทนการนั่งด้านหลังรถที่อาจดูแลไม่ทั่วถึง
ขณะที่ผู้โดยสารหญิงส่วนใหญ่ยังยอมรับว่า เคยมีประสบการณ์ถูกคุกคามทางเพศ แม้จะไม่บ่อยนักแต่ก็ทำให้ต้องระวังตัวมากขึ้น
ด้านนายจะเด็ด เชาว์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองว่า หากผู้เสียหายยังเพิกเฉยกับปัญหาการถูกคุกคามทางเพศ ยิ่งจะทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยปีที่ผ่านมาพบว่า มีข่าวความรุนแรงทางเพศสูงถึง 300 ข่าว หรือเกือบทุกวัน และเป็นคดีข่มขืนมากถึงร้อยละ 51.3
จากข้อมูลองค์การแอคชั่นเอด พบว่า ตั้งแต่ปี 2552-2556 มีจำนวนคดีข่มขืนสูงถึง 30,000 คดีต่อปี และมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพียง 4,000 คดี หรือร้อยละ 13 ของจำนวนคดีเกิดขึ้นทั้งหมดเท่านั้น เครือข่ายเมืองปลอดดภัยเพื่อผู้หญิงจึงเรียกร้องให้ ผู้หญิงกล้าดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างไม่เขินอาย หรือกลัว เพื่อให้ทุกพื้นที่เป็นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง
