“ปีใหม่” คาดเดินทาง 4 ล้านคน เตรียมแผนคุมความเร็ว – ตั้งด่านสกัดเมา ป้องกันอุบัติเหตุ

สังคม
26 ธ.ค. 60
12:35
539
Logo Thai PBS
“ปีใหม่” คาดเดินทาง 4 ล้านคน เตรียมแผนคุมความเร็ว – ตั้งด่านสกัดเมา ป้องกันอุบัติเหตุ
ตำรวจทางหลวงเตรียมแผนบูรณาการ ร่วมตั้งด่านสกัดเมาไม่ขับในระดับชุมชน เข้มการใช้กล้องตรวจจับความเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน

วันนี้ (26 ธ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) เปิดเผยว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 4 ล้านคน มากกว่าปีก่อนร้อยละ 20 โดยมีรถยนต์ประมาณ 5 ล้านคัน โดยจะเริ่มเดินทางตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 29 ธ.ค.2560 ซึ่งเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปี

ปีนี้ตำรวจทางหลวงและตำรวจภูธรจะบูรณาการร่วมกันตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ในพื้นที่ชุมชนและย่านสถานบันเทิง หากพบว่าเมาแล้วขับ แต่ยังไม่ได้ก่ออุบัติเหตุ จะไม่ยึดรถ แต่จะมีการกักตัวไว้จนกว่าจะหายเมา และให้คนภายนอกหรือญาติพี่น้องมารับตัวกลับไป

“ปริมาณแอลกอฮอล์ที่กฎหมายกำหนดคือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น แต่สำหรับผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือได้ใบขับขี่ครั้งแรกหรือไม่เกิน 5 ปี กลุ่มนี้ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์น้อย ถ้าบวกกับความเมาเพิ่มไปอีก จะทำให้การบังคับรถไม่มีประสิทธิภาพ จึงมีการลดเกณฑ์เมาสำหรับกลุ่มนี้ใหม่คือ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น บุคคลทั่วไป 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น โทษจำคุก 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท” พ.ต.อ.ม.ล.สันธิกร กล่าว

ทั้งนี้ ยังอำนวยการจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวกและคล่องตัว กำหนดจุดเฝ้าระวังเข้มข้น กวดขันตรวจจับความเร็วด้วยกล้องตรวจจับความเร็ว เพื่อตรวจจับการกระทำผิดกฎหมาย เน้นกวดขันเรื่องความเร็ว การฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมประสานความร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกเข้มงวดการตรวจคนขับรถโดยสารปลอดภัย หากพบทำผิดจะส่งข้อมูลการกระทำผิดกลับไปที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อดำเนินการลงโทษตามวินัย

นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปี 2559 ประเทศไทยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 22,356 คน หรือ 60 คน/วัน ในจำนวนนี้ 6,000 คน ต้องกลายเป็นผู้พิการ ข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เทศกาลปีใหม่ 2560 ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เสียชีวิต 478 คน เกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง บาดเจ็บ 4,128 คน สาเหตุอันดับหนึ่งคือ เมาสุรา ร้อยละ 36.59 รองลงมาคือ ขับรถเร็ว ร้อยละ 31.31

นพ.คำนวณ กล่าวว่า การขับรถเร็วจะเพิ่มโอกาสการเกิดอุบัติเหตุสูง เพราะจะมีเวลาตัดสินใจน้อยลง เมื่อเกิดเหตุคับขันต้องใช้ระยะทางในการชะลอหยุดรถมากขึ้น เช่น หากใช้ความเร็วที่ 50 กม./ชม. ต้องใช้ระยะทาง 27 เมตรในการตัดสินใจและหยุดรถ แต่หากใช้ความเร็วที่ 80 กม./ชม. จะต้องเพิ่มระยะทางเกือบ 60 เมตร เพื่อตัดสินใจเบรกและหยุดรถ นอกจากนั้นการขับเร็วยังส่งผลให้การมองเห็นด้านหน้าลดลง

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า รัฐควรจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วนและจริงจัง เนื่องจากสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และที่สำคัญประชาชนขาดจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน จึงมีข้อเสนอแนะ ดังนี้ ประเด็นเมาแล้วขับ ควรมีการแก้ไขโดยการกำหนดโทษปรับให้สูงขึ้น ตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบในร่างกาย ประเด็นขับรถเร็ว ควรมีการกำหนดอัตราความเร็วสูงสุดในเขตเมืองให้ต่ำกว่าเดิมในบางพื้นที่

นอกจากข้อเสนอแนะข้างต้น รัฐบาลควรกำหนดเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้เป็นวาระสำคัญของชาติ และมีการรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง โดยมีการบรรจุหลักสูตรเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในระบบปกติ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง