ทุจริตเงินทอนวัด ล็อต 4 พบเพิ่ม 30 วัด เสียหายกว่า 100 ล้านบาท

สังคม
28 พ.ค. 61
13:12
5,808
Logo Thai PBS
ทุจริตเงินทอนวัด ล็อต 4 พบเพิ่ม 30 วัด เสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ปปป.พบการกระทำความผิดเงินทอนวัดล็อตที่ 4 เพิ่ม 30 วัด มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท ขณะที่ผู้บังคับการปราบปราม เตือนผู้ที่ให้ที่พักพิงกับพระสงฆ์ที่หลบหนีมีความผิดตามกฎหมายอาญา โทษจำคุก 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท

วันนี้ (28 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่ดำเนินการมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งที่ 4 จะเป็นการตรวจสอบการทุจริตงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา ช่วง พ.ศ.2554–2559

พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ ปปป. เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการไปได้แล้วร้อยละ 50 ยืนยันว่า พบการกระทำผิดทั้งข้าราชการ และพระสงฆ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่มีการสรุปจำนวนวัดและบุคคลที่กระทำผิดอย่างชัดเจน


ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการก็จะสรุปรายงานส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนชี้มูลคดี หากเป็นพระสงฆ์ หรือบุคคลทั่วไป ก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา โดยการดำเนินการไม่ได้กำหนดระยะเวลาตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ

ขณะนี้การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 4 จากเป้าหมาย ประมาณ 60 วัด ใน 13 จังหวัด ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว 40 วัด พบการกระทำผิด 30 วัด ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยเป็นการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด ซึ่งวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.) จะมีการประชุมเพื่อรับฟังความคืบหน้าอีกครั้ง


ส่วนกรณีการติดตามพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่หลบหนีไป  พ.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมอบตัว แต่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามค้นหาอย่างต่อเนื่อง และฝากเตือนไปยังคนสนิทและผู้ที่คิดว่าจะให้ความช่วยเหลือ ให้ที่หลบซ่อนว่า เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ มีรายงานว่าอดีตพระพรหมดิลก ที่ถูกจับกุมแล้ว รวมถึงพระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี ที่ยังหลบหนี นอกจากมีความผิดฐานฟอกเงิน กรณีทุจริตเงินทอนวัดแล้ว ยังพบว่า พัวพันกับการวิ่งเต้นการเลื่อนสมณะศักดิ์ของพระสงฆ์ที่อยู่ภายใต้การปกครองด้วย โดยมีการเรียกรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนและพวกพ้อง


สำหรับกรณีการพบข้อมูลว่าในจำนวนพระที่ถูกตั้งข้อหาบางรูป มีพฤติกรรมเสพเมถุน และมีสัมพันธ์กับสีกา นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ส่วนกรณีตำรวจดำเนินคดีกับพระผู้ใหญ่ ในการประชุม มส.วันที่ 30 พ.ค.นี้ จะถวายรายงานต่อ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และแจ้งให้ที่ประชุม มส.รับทราบ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง