เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.2561) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาวะอากาศปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่าในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักในหลายจังหวัดของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง นอกจากนี้ จากข้อมูลทางกรมอุตุนิยมวิทยา ยังพบว่าในช่วงวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักมาก ทำให้มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.ตราด น่าน แม่ฮ่องสอน และ ตาก ปภ.จึงประสานงานกับ 59 จังหวัดทั่วประเทศเตรียมความพร้อมรับมือ โดยจะแบ่งออกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี
ภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นคราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี ส่วนภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ส่วนพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ยังคงเฝ้าระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งอย่างเด็ดขาด
ขณะที่สถานการณ์ดินสไลด์ในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ที่ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 6หลัง ผู้เสียชีวิต 8 คน ความเสียหายขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเข้าปฏิบัติการค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน โดยได้อพยพประชาชนในพื้นที่ 60 ครัวเรือน 253 คน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านสว้า ต.ดงพญา อ.บ่อเกลือ พร้อมให้การดูแลในเบื้องต้นแล้ว
ด้านนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีแจ้งหนังสือด่วนที่สุด เรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และผู้ประสบภัยจากดินโคลนถล่ม ถึงผู้บริหารกระทรวง ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และนายอำเภอให้ความสำคัญกับการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ในการลงไปช่วยเหลือดูแลเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม และการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรในด้านต่างๆ นอกจากนี้ ยังขอให้กรมชลประทานติดตามสภาพน้ำท่าทุกลุ่มน้ำและประสานการบริหารจัดการน้ำตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนกรณีที่ประชาชนวิตกกังวลว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนเมื่อปี 2554 เพราะปริมาณน้ำเขื่อนใหญ่แต่ละแห่งมีน้ำมากแล้วแค่ช่วงต้นฤดูฝนยังไม่เข้าฝนเต็มตัว นายกฤษฎา กล่าวว่า จากข้อมูลเปรียบเทียบแล้วเห็นว่าไม่น่าท่วมหนักเหมือนเมื่อปี 2554 ซึ่งสถานการณ์น้ำในปีนี้ไม่น่าจะท่วมมากผิดปกติ ส่วนเขื่อนใหญ่ต่างๆ ยังไม่เกินขีดความสามารถกักเก็บน้ำได้