ตรวจสอบเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน จ.ชัยภูมิ

สังคม
20 พ.ย. 61
19:14
1,062
Logo Thai PBS
ตรวจสอบเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน จ.ชัยภูมิ
ไทยพีบีเอสตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ หลังพบความผิดปกติของจำนวนนักเรียน ที่มีผลต่อการขอรับเงินอุดหนุนรายหัวและการขอโยกย้ายไปโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นของผู้บริหาร

ไทยพีบีเอสตรวจสอบข้อมูลนักเรียน โรงเรียนคอนสารวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 30 จ.ชัยภูมิ ปีการศึกษา 2558 - 2561 พบว่า ปีการศึกษา 2558 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีจำนวน 325 คน เมื่อขึ้นศึกษาต่อชั้น ม.2 ข้อมูลนักเรียน ลดจำนวนลง 1 คน แต่เมื่อปี 2560 นักเรียนชั้น ม.3 กลับมานักเรียนเพิ่มขึ้นมากถึง 62 คน และเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ในช่วง 2-3 ปี

จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2,3,5 และ 6 อย่างก้าวกระโดด ทำให้คณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัดชัยภูมิ ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของจำนวนนักเรียน หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนยื่นเรื่องเสนอขอโยกย้ายไปตำแหน่งบริหารโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งจำนวนนักเรียนเป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์การพิจารณา

นายสานิตย์ พลศรี ประธานอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัดชัยภูมิ ระบุว่า จำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นในระบบข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC ) เป็นข้อมูลที่มีจำนวนนักเรียนสูงเกินจริง สามารถตั้งข้อสังเกตถึงจุดประสงค์การกระทำเช่นนี้ได้ 2 ประเด็นหลัก คือ ความต้องการงบประมาณที่จะได้รับมากขึ้นตามจำนวนนักเรียน ที่รัฐบาลจะอุดหนุน เป็นรายบุคคลตามจำนวนนักเรียนโดยชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คนละประมาณ 3,500 บาท นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย คนละ 3,800 บาท หลังจากโรงเรียน มีขนาดใหญ่ขึ้นตามเกณฑ์ ส่วนประเด็นที่ 2 ผู้อำนวยการโรงเรียน ยังสามารถโยกย้ายไปบริหารในโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้

 

 

ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้พยายามขอข้อมูลจำนวนนักเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เบื้องต้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาได้ทำหนังสือถึงศึกษาธิการจังหวัดชัยภูมิ ชี้แจงกรณีจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นปีการศึกษา 2560-2561ของโรงเรียนคอนสารวิทยาคมแล้วว่า มีข้อมูลจากโรงเรียนคอนสารวิทยาคม และ สพม.30 ตรงกัน โดยจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่ 3 ที่เพิ่มขึ้น 53 คน ชั้ม ม.6 เพิ่มขึ้น 48 คน มีนักเรียนย้ายเข้า-ออก ระหว่างภาคเรียนของปีการศึกษา 2560 และมีนักเรียนที่ยังไม่จบหลักสูตร โรงเรียนจึงจำเป็นต้องคงสถานภาพของนักเรียนไว้

ด้านนายกรกต ธำรงวงศ์สวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ชี้แจงกรณีความผิดปกติของจำนวนนักเรียนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์การพิจารณาการโยกย้ายผู้บริหาร และในฐานะคณะกรรมการศึกษาธิการ (กศจ.ชัยภูมิ) มีมติให้ศึกษาธิการจังหวัด ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้

ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนคอนสาร จ.ชัยภูมิ ได้ทำหนังสือถึงศึกษาธิการจังหวัด ตั้งแต่ปลายเดือนที่ ต.ค.ยินยอมให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด พิจารณาตัดจำนวนนักเรียนกว่า 100 คน ที่เกินจากข้อมูลนักเรียนรายบุคคล

หนังสือบันทึกข้อความจากผู้อำนวยการโรงเรียนคอนสารวิทยาคม ต.ทุ่งนาเลา อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.61 ระบุว่า ยินยอมให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด นำข้อมูลจากการตรวจสอบระบบนักเรียนรายบุคคล หลังจากตัดจำนวนนักเรียนออกกว่า 100 คน มาพิจารณาในการโยกย้ายร่วมกับโรงเรียนขนาดเดียวกันได้ ถือเป็นการชี้แจงครั้งล่าสุดของผู้อำนวยการโรงเรียน หลังจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดชัยภูมิ (กศจ.) มีมติให้ศึกษาธิการจังหวัด ตรวจสอบข้อมูลนักเรียนรายบุคคล หรือ DMC วันที่ 10 มิ.ย.ปีการศึกษา 2560-2561 ใหม่

 

 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เป็นประธานตรวจสอบเรื่องนี้ ระบุว่า กศจ.ได้ประชุมกรณีการโยกย้ายผู้บริหารโรงเรียน ตามระเบียบ กฎเกณฑ์ ควบคู่ไปกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้น ก็ได้มีมติให้ศึกษาธิการจังหวัด ตรวจสอบและอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล

ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนคอนสารวิทยาคม ยังไม่ได้เดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ ที่โรงเรียนภูเขียว โดยทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้รับข้อมูลว่า ผู้อำนวยการยังปฏิบัติราชการที่โรงเรียนเดิม โดยจะย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ ภายในสัปดาห์นี้

สำหรับข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (DMC) ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาจังหวัดชัยภูมิ เขต 30 สำรวจใหม่ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2561 พบว่า มีจำนวนนักเรียนในระบบ DMC เกินทั้งหมด 37 แห่ง พบว่าโรงเรียนที่มีข้อมูลนักเรียนในระบบ DMC เกินมากที่สุด คือโรงเรียนคอนสารวิทยาคม รองลงมาคือโรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา โรงเรียนภูเขียว โรงเรียนจัตุรัสวิทยาคาร และโรงเรียนแก้งคร้อวิทยา ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจมีนักเรียนเข้าออกระหว่างภาคเรียน หรืออาจยังไม่จบหลักสูตร ซึ่งทางโรงเรียนจำเป็นต้องคงสถานภาพนักเรียนไว้ตามระเบียบการศึกษาภาคบังคับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง