วันนี้ (8 ก.ย.2562) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีแม่ค้าส้มตำที่ อ.เมือง จ.พัทลุง ถูกผึ้งต่อยหน้าบวม โดยถอดเหล็กในออกเองแล้วไม่ไปโรงพยาบาล สุดท้ายเสียชีวิต ว่า จากข้อมูลดังกล่าว ผู้ป่วยอาจเกิดอาการแพ้ชนิดรุนแรง เป็นปฏิกิริยาทางภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วร่างกาย และอาจมีความรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิต
ในประเทศไทย พบ 0.19 คนต่อผู้ป่วยในแสนคน สามารถเป็นซ้ำได้ 1 คนต่อผู้ป่วย 12 คนต่อปี อาการแพ้รุนแรงดังกล่าวมีหลายสาเหตุ โดยเฉพาะอาหารซึ่งพบบ่อยที่สุด สาเหตุรองลงมา ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ และอาการแพ้จากแมลง โดยมักเกิดจากแมลงตระกูล Hymenoptera ได้แก่ ต่อหัวเสือ แตน ผึ้ง และกลุ่มมดมีพิษ
ขณะที่ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความรุนแรงของโรคเป็นมากขึ้น ได้แก่ อายุ โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ การแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis) มักเกิดภายในเวลา 5-30 นาทีภายหลังการได้รับสิ่งกระตุ้น โดยอาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ อาการทางผิวหนังเป็นลักษณะลมพิษ อาจมีอาการบวมมากที่ผิวหนัง รองลงมาได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งในภาวะนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องรีบส่งต่อผู้ป่วยเข้าสถานบริการทางการแพทย์ หรือรถฉุกเฉินโดยด่วนที่สุด ควรจัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงาย ถ้าสามารถเอาสาเหตุออกได้ เช่น เอาเหล็กในออกก็ควรทำ หากพบในสตรีมีครรภ์ให้จับนอนตะแคงซ้าย ภาวะนี้มีความจำเป็นจะต้องได้ยาฉีดน้ำเกลือ และออกซิเจนอย่างด่วนที่สุด โดยต้องสังเกตอาการผู้ป่วยที่โรงพยาบาล
นอกจากนั้น ควรจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและลดโอกาสเป็นซ้ำ สำหรับผู้ป่วยที่เคยเกิดภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) มาก่อน จะต้องมียาฉีดอิพิเนฟริน (Epinephrine) ติดตัวไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
