THE EXIT : ตรวจสอบรายชื่อแปลกปลอมในทะเบียนบ้าน

อาชญากรรม
28 ก.ย. 63
19:34
876
Logo Thai PBS
THE EXIT :  ตรวจสอบรายชื่อแปลกปลอมในทะเบียนบ้าน
THE EXIT ตรวจสอบเหตุการณ์บ้านหลายหลังในหมู่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด จ.ตาก มีเลขที่บ้านซ้ำกัน หลังพบการออกหมายจับสมาชิกในบ้าน แต่เจ้าของบ้านไม่รู้จักชื่อมาก่อน การตรวจสอบรายชื่อแปลกปลอม นำไปสู่ข้อมูลบ้านเลขที่ซ้ำในหมู่บ้านเดียวกันกว่า 100 หลัง

กลางเดือน ส.ค.2563 นายชนกานต์ ชาญประเทศ ประธานชุมชนบ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก ได้รับไปรษณีย์จากที่ว่าการอำเภอแม่ระมาด แจ้งว่ามีสมาชิกในบ้านของเขาถูกออกหมายจับและให้ไปดำเนินการย้ายชื่อดังกล่าวเข้าทะเบียนบ้านกลาง มิฉะนั้นเจ้าบ้านจะมีความผิด


อย่างไรก็ตาม รายชื่อที่ปรากฏในจดหมายไม่มีอยู่ในหนังสือสำเนาทะเบียนบ้านของนายชนกานต์ และไม่มีใครในบ้านรู้จักบุคคลนั้นมาก่อน นายชนกานต์จึงสงสัยว่าชื่อนั้นอาจถูกย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้านโดยที่เจ้าบ้านไม่ทราบเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า มีรายชื่อผีเข้ามาในบ้าน

ชาวบ้านวังผา บอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตรวจพบรายชื่อแปลกปลอมเข้ามาในบ้าน แต่ก่อนหน้านี้ในช่วงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 2 ครั้งที่ผ่านมา ในปีปี 2557 และ 2562 มีบ้านหลายหลังที่ตรวจพบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้อาศัยจริง

ตอนเลือกตั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีชื่อแปลกเข้ามาในบ้าน 2 ชื่อ ช่วงที่มีบัตรมาให้ตรวจสอบ เขาบอกว่าถ้าไม่ใช่ให้ไปแจ้ง เราเห็นก็ไปแจ้ง แต่เลือกตั้งครั้งล่าสุดก็ยังชื่อแปลกเข้ามาอีก 2 ชื่อ ชื่อแรกเป็นชื่อเดิม อีกชื่อเป็นชื่อใหม่ซึ่งทั้ง 2 คน ไม่รู้ว่าเป็นใคร


เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง นายชนกานต์จึงเดินทางไปตรวจสอบรายชื่อในเอกสารแบบรายงานบัญชีคนในบ้าน ท.ร.14 ณ สำนักงานเทศบาลตำบลทุ่งหลวง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่บ้านวังผา จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีชื่อบุคคลแปลกปลอมในทะเบียนบ้านของนายชนกานต์ แต่สิ่งที่พบคือ ในหมู่บ้านวังผามีบ้านเลขที่ 8 ซึ่งเป็นเลขที่บ้านของนายชนกานต์ ซ้ำกัน 2 หลัง โดยรายชื่อที่อยู่ในหมายจับที่ถูกส่งไปที่บ้านนายชนกานต์ อยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเลขที่ซ้ำกัน

ตะลึง! หมู่บ้านเดียว พบเลขที่บ้านซ้ำกว่า 100 หลัง

เมื่อตรวจสอบเลขที่บ้านหลังอื่นๆ ในบ้านวังผา ก็พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในหมู่บ้านเดียวกันนี้มีบ้านที่มีเลขที่บ้านซ้ำกันทั้งหมดกว่า 100 หลัง จากทั้งหมด 522 หลัง หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนบ้านทั้งหมดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติเพราะเมื่อเทียบกับหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ในตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก กลับไม่พบว่ามีเลขที่บ้านซ้ำกันเหมือนที่พบในบ้านวังผา

 


ประธานชุมชนบ้านวังผา และไทยพีบีเอส ลงพื้นที่บ้านวังผาอีกครั้ง เป้าหมายคือการตามหาบ้านเลขที่ 8 อีกหลังหนึ่ง จนพบบ้านหลังนั้นและได้พบกับครอบครัวที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ทั้งหมดยอมรับว่า รายชื่อของบุคคลที่ปรากฏในหมายจับเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่หลังจากบุคคลดังกล่าวตกเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ก็ไม่ได้พบกันมานานหลายปีแล้ว


เมื่อสอบถามถึงการได้มาซึ่งเลขที่บ้านดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า ครอบครัวนี้เป็นอดีตคนไร้สัญชาติ ซึ่งเมื่อผ่านการพิสูจน์สัญชาติไทยเมื่อปี 2558 ชื่อของพวกเขาถูกบันทึกลงในบ้านเลขที่ 8 โดยที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้เลือก จนเป็นที่มาของเหตุเลขที่บ้านซ้ำซ้อนกับบ้านของนายชนกานต์ 

วันต่อมาประธานชุมชนบ้านวังผา นัดหมายเจ้าบ้านเลขที่ 8 ซึ่งเลขที่บ้านซ้ำกัน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่ระมาด เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่ในหมู่บ้านวังผามีบ้านเลขที่ซ้ำกันอีกกว่า 100 หลัง

ร้องอำเภอลงพื้นที่บริการชาวบ้านแก้เลขที่บ้านซ้ำ

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อำเภอแม่ระมาดพบว่า บ้านเลขที่ 8 ของนายชนกานต์เป็นบ้านดั้งเดิม ส่วนบ้านเลขที่ 8 ของนายธนกฤต อินต๊ะขันแก้ว เป็นทะเบียนบ้านที่เกิดขึ้นภายหลัง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่อำเภอแม่ระมาดดำเนินการแก้ไขเลขที่บ้านซึ่งเกิดขึ้นภายหลังเป็นเลขที่อื่น และย้ายชื่อผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ในทะเบียนบ้านหลังดังกล่าวเข้าสู่ทะเบียนบ้านกลาง


แม้ปัญหาการออกเลขที่บ้านซ้ำซ้อนกับบ้านของนายชนกานต์ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่สำหรับบ้านหลังอื่นๆ ที่มีเลขที่ซ้ำซ้อน เจ้าบ้านแต่ละหลังต้องเดินทางไปติดต่อเพื่อแก้ไขเลขที่บ้านด้วยตัวเอง

นายชนกานต์ ระบุว่า แม้อำเภอจะแก้ไขปัญหาให้ทันที แต่อาจมีความวุ่นวายสำหรับชาวบ้าน เพราะบางบ้านไม่มียานพาหนะไปอำเภอ จึงทำให้มีความลำบากเรื่องระยะที่ห่างกันถึง 20 กิโลเมตร หากทางอำเภอลงพื้นที่มาหาชาวบ้านเพื่อแก้ไขให้ทันทีจะสะดวกกว่า 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทะเบียนบ้าน ท.ร.14 ในบ้านวังผา ยังพบว่า บ้านบางหลังมีรายชื่อบุคคลซ้ำซ้อนในทะเบียนบ้านซึ่งเป็นผลจากขั้นตอนการพิจารณาให้สัญชาติไทย เช่นเดียวกับการออกเลขที่บ้านซ้ำซ้อน ซึ่งประธานชุมชนบ้านวังผา มองว่า ปัญหาเหล่านี้แม้ยังไม่ส่งผลกระทบในวงกว้างแต่หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตได้ในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง