The EXIT : ถอดพิรุธซื้อขายถุงมือยาง

อาชญากรรม
19 มี.ค. 64
14:15
463
Logo Thai PBS
The EXIT : ถอดพิรุธซื้อขายถุงมือยาง
The EXIT ยังคงติดตามประเด็นการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท หลังพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบโรงงานคู่สัญญา พบว่าปัจจุบันเปิดดำเนินการปกติ และ มีสินค้าตามสัญญา

 

เมื่อปี 2563 สิ่งปลูกสร้างแห่งนี้ตรงกับที่อยู่ข้อมูลการจดทะเบียนการค้า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด แต่สถานที่จริงกลับถูกระบุ เป็นของอีกบริษัทหนึ่ง 

 

และนี่เป็นภาพที่ตั้ง บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด แห่งใหม่ ห่างจากอาคารแห่งแรกที่ปิดตัวไป ประมาณ 1 กิโลเมตร ด้านหน้าบริษัทฯ ปรากฏกล่องกระดาษบรรจุถุงมือยาง เต็มพื้นที่โกดัง และ ลานจอดรถ

ข้างกล่อง ระบุว่า เป็นถุงมือยาง ชนิดลาเท็กซ์ ผลิตจากต้นยางพารา

บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด คู่สัญญา กับองค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ทำสัญญาซื้อ-ขาย ถุงมือยางจำนวน 500 ล้านกล่อง มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2563

T้he EXIT เดินทางไปตรวจสอบบริษัทฯนี้ พบว่าปัจจุบันเปิดปกติ มีพนักงาน และ รถบรรทุกขนาดใหญ่เข้า-ออก

กรรมการบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด อนุญาตให้ทีมข่าวสำรวจพื้นที่ แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ ถึงประเด็นการส่งถุงมือยางให้กับองค์การคลังสินค้า

 

บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเพียงแค่ 2 เดือน ก่อนทำสัญญากับ อคส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563  

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ของ อคส. เคยเดินทางไปตรวจสอบ และพบว่าบริษัทฯ ในที่ตั้งเดิม ไม่มีเครื่องมือเครื่องจักร สำหรับการผลิตถุงมือยาง 

 

วันที่ทำสัญญาซื้อขายยังไม่มีผลิตภัณฑ์ยี่ห้อการ์เดียนโกลฟส์ ในตลาด จึงตรวจสอบหาราคากลางไม่ได้ จุดสังเกต คือ ประเทศไทย มีผู้ผลิตถุงมือยางชนิดไนไตรได้หลายราย แต่ทำไม่ถึงไม่มีการประกาศให้เอกชนอื่นๆ ร่วมประกวดราคา

ไทยพีบีเอส ไม่ได้ตรวจสอบเพียงแค่ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด

แต่รวมถึงเอกชนผู้ซื้อถุงมือยางจาก อคส. อีก 7 แห่ง 

The EXIT สุ่มตรวจสอบบริษัทเอกชนที่ทำสัญญา เริ่มจาก บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด มีเอกสารสั่งซื้อถุงมือยาง 50 ล้านกล่อง มูลค่า 11,000 ล้านบาท

ที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ 216 ซอยอุดมสุข 26 แขวงบางนาเหนือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด จดทะเบียน จัดตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ทุนปัจจุบัน 100 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง

น่าสังเกตว่า บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แต่มีความสามารถสั่งซื้อถุงยางจาก อคส.ได้ถึง 11,000 ล้านบาท

นายวงษ์บดีกาญจน์ ทองโสภณ กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด เปิดเผยกับ The Exit ว่าติดต่อขอซื้อถุงมือยาง กับ อคส.จริง

มีเอกสารการจัดซื้อ หนังสือแสดงเจตจำนงการขอรับสนับสนุนสินเชื่อเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ เอกสารแจ้งผลการดำเนินการให้การสนับสนุนสินเชื่อ รวมไปถึงหนังสือทวงถามการจัดซื้อถุงมือยางกับ อคส. 2 ครั้ง

ผู้บริหารบริษัท บอกว่าหาก อคส. ไม่ส่งสินค้าให้ตามสัญญาส่งผลให้บริษัทฯได้รับความเสียหาย เพราะส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศไม่ได้อาจต้องฟ้องร้อง

 

ต้องดูทิศทางหากบริษัทฯ ถ้าลูกค้าต่างประเทศฟ้อง ก็จำเป็นต้องป้องกันธุรกิจ โดยการยื่นฟ้องกับ อคส. เพราะได้ทำหนังสือทวงถามไปถึง 2 ครั้งแล้ว พร้อมทำหนังสือชี้แจงไปกับลูกค้าที่ต่างประเทศด้วย

 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายประเสริฐ จันทรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประเด็นการทำสัญญาจะขายถุงมือยางกับบริษัทคู่สัญญา 3 แห่ง ฉบับแรก ไม่ได้มีรายละเอียดการซื้อขาย เช่น เงินมัดจำ วิธีชำระเงิน หลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญา

ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เอกชนที่ติดต่อเข้ามา 4 บริษัท แสดงความจำนงขอซื้อถุงมือยาง จำนวน 174 ล้านกล่อง ราคารวม 37,100 ล้านบาท มีข้อสังเกตว่า 4 บริษัทนี้ บางแห่งเป็นเพียงสำนักงานกฎหมาย มีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท

เพื่อตรวจสอบว่า ข้อมูลจากการอภิปราย เป็นอย่างไร The EXIT สุ่มตรวจสอบ บริษัท ควีนพาวเวอร์ คอมปานี จำกัด มีเอกสารสั่งซื้อ 12 ล้านกล่อง มูลค่า 2,520 ล้านบาท

สถานที่ตั้งอยู่ในชั้น 20 อาคารแห่งหนึ่ง ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าเป็นสำนักงานกฎหมาย และได้รับการยืนยันจากทนายความที่ถูกแต่งตั้งว่า บริษัทฯได้ทำสัญญาซื้อขายกับ อคส. และ ได้เดินทางไปให้ปากคำในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

นอกจากบริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด ที่เตรียมจะยื่นฟ้อง ต่อ อคส. เรื่องการผิดสัญญา บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ก็ได้พยายามส่งหนังสือถึง อคส. เพื่อแจ้งให้รับมอบสินค้าตามเงื่อนไขสัญญา ซึ่งเป็นแนวทางของบริษัทฯ ป้องกันเป็นฝ่ายผิดในการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง