"อัจฉริยะ" ร้อง ปปป.สอบดีเอสไอทำคดีรถหรู หวังรางวัลนำจับ

อาชญากรรม
9 ก.ย. 64
13:21
386
Logo Thai PBS
"อัจฉริยะ" ร้อง ปปป.สอบดีเอสไอทำคดีรถหรู หวังรางวัลนำจับ
"อัจฉริยะ" นำผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกดีเอสไอยึดรถหรูจดประกอบ เพื่อหวังเงินรางวัลนำจับ ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ปปป. เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีการทุจริตรางวัลนำจับคล้ายเครือข่ายของ "พ.ต.อ.ธิติสรรค์"

วันนี้ (9 ก.ย.2564) นายมนตรี เกตุจรัส ผู้ประกอบรถยนต์จดประกอบ พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานเข้าร้องพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เพื่อให้สืบสวนขยายผล กรณีที่นายมนตรีถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บุกค้น และอายัดรถหรูไป 37 คัน เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ก่อนจะคืนรถยนต์ของกลางบางส่วนกลับมาเพียง 9 คัน และจนถึงขณะนี้ ดีเอสไอยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาได้

 

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า กรณีของดีเอสไอมีลักษณะคล้ายเครือข่ายของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ โดยมีจุดเริ่มต้น มาจากคดีที่ดีเอสไอรับผิดชอบสอบสวนเรื่องรถยนต์หรู และพบว่ามีไฟไหม้รถยนต์หรู จำนวน 6 คัน ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา

จากนั้น ดีเอสไอตั้งเรื่องเป็นคดีพิเศษเพื่อขยายผลตรวจสอบรถยนต์หรูทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณทำคดีมากถึง 1,400 ล้านบาท หรือตกคดีละ 2 แสนบาท

 

นายอัจฉริยะ ยังอ้างว่าพฤติการณ์ของดีเอสไอ คล้ายกับกรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ คือมีการดำเนินการเพื่อหวังเงินรางวัลนำจับที่สูงถึงร้อยละ 55 โดยแอบอ้างปั้นสายลับ เป็นผู้ให้ข้อมูลนำจับ เพื่อให้เข้าเงื่อนไข ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 ที่ระบุว่า ต้องเป็นการนำเข้ารถมาทั้งคัน ไม่ใช่การแยกชิ้นมาประกอบ

แต่กรณีของดีเอสไอไม่เข้าเงื่อนไข เพราะคดีของดีเอสไอจับผู้นำเข้าชิ้นส่วนที่มีการเสียภาษีเรียบร้อยแล้ว และมาจดประกอบรถยนต์ โดยเฉพาะนายมนตรีเสียภาษีถูกต้องตามขั้นตอนทั้งหมด จึงไม่เข้าเงื่อนไข

 

ดังนั้น จึงมีความพยายามตั้งงบการดำเนินคดีคันละ 2 แสนบาท รวมทั้ง 7,000 คัน เป็นเงินกว่า 1,400 ล้านบาท และมีการขยายผลตรวจค้นโรงงานจดประกอบรถหรูทั่วประเทศ จำนวน 6 จุด ซึ่งรวมถึงโรงงานของนายมนตรีด้วย ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้เสียหายทั้งหมดที่โดนยึดรถยนต์หรูไว้ ยังไม่ได้รถคืน และดีเอสไอไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้

ขณะที่นายมนตรี กล่าวว่า ตนเองเสียภาษีชิ้นส่วนอย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องการนำเข้าขิ้นส่วนอะไหล่ ก็มีการเสียภาษี​ถูกต้องเช่นกัน แต่เมื่อดีเอสไอเข้ามาอายัดและอ้างว่าไม่มีการเสียภาษีชิ้นส่วนถูกต้อง จึงไม่เป็นความจริง และมีหลักฐานเอกสารการจ่ายภาษีครบทุกขั้นตอน โดยที่ผ่านมา เคยชี้แจงไปที่ดีเอสไอ แต่ไม่คืบหน้า แต่ดีเอสไอคืนรถยนต์กลับมาให้จำนวน 9 คัน และดีเอสไออายัดไว้อีก 28 คัน

 

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ปปป. รับเรื่องราวไว้สอบสวน โดยเตรียมเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง