"ศักดิ์สยาม" พร้อมฟังเสียงประชาชน ปมปิดสถานีหัวลำโพง​

สังคม
22 พ.ย. 64
18:16
446
Logo Thai PBS
"ศักดิ์สยาม" พร้อมฟังเสียงประชาชน ปมปิดสถานีหัวลำโพง​
กระแสการปิดสถานีรถไฟ​กรุงเทพ​ (หัวลำโพง)​ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์​จำนวนมากว่าส่งผลกระทบ​ต่อประชาชน​ รมว.คมนาคม​ ​ยืนยันว่า​รับฟังทุกความเห็นแน่นอน​ โดยเตรียมระบบฟีดเดอร์เชื่อมต่อแล้ว

วันนี้ (22 พ.ย.2564) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีการพิจารณาหยุดให้บริการรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง พร้อมพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์คมนาคมกลางเมือง ว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทบทวนข้อมูลแผนการเดินรถให้รอบด้าน พิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการบริหารจราจร และการให้บริการประชาชน โดยพิจารณาการปรับรูปแบบและจำนวนรถไฟให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน รวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับให้ขบวนรถไฟวิ่งนอกชั่วโมงเร่งด่วนเป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเวทีสาธารณะชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน และจัดทำข้อมูลให้ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว เพื่อหาข้อยุติและแก้ปัญหาให้ได้ทุกมิติ รวมถึงมาตรการเยียวยาต่าง ๆ รวมถึงการให้ข้อมูลด้านการพัฒนาหัวลำโพงให้เห็นภาพรวมทุกประเด็น ทั้งการอนุรักษ์อาคารและการพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมถึงการบริหารสถานีกลางบางซื่อ โดยให้พิจารณาข้อมูลการศึกษาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและเน้นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า รฟท.อยู่ระหว่างการประชุมหารือ โดยได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ในการดำเนินการบริหารที่ดินของการการรถไฟฯ ทุกแปลง หลังจากกระทรวงคมนาคม พิจารณาข้อมูลของการรถไฟฯ พบว่า มีการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง หรืออยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 แสนล้าน ขณะที่ตัวเลขจากกระทรวงการคลังจะอยู่ที่ประมาณเกือบ 600,000 ล้าน จึงเป็นโจทย์สำคัญที่กระทรวงคมนาคมจะต้องแก้ไขปัญหาหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่อไป

ทั้งนี้ ในปัจจุบันทางการรถไฟฯ มีภาระในเรื่องของการบริหารที่มาการขาดทุนสะสมมานาน ซึ่งจากการบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ประเมินรายได้ขั้นต่ำสุดใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ปี จะมีรายได้เข้ามารวมระยะเวลาบริหารจัดการประมาณ 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท

แนวทางการพัฒนาดังกล่าว ไม่ได้เริ่มต้นในยุคสมัยของผม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นเรื่องนี้และได้มีการดำเนินการในการจัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ ซึ่งสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะนี้ในการดำเนินการขณะนี้ได้มีการนำข้อมูลสินทรัพย์ของการรถไฟฯ ที่สามารถจะสร้างรายได้ให้การรถไฟฯ เนื่องจากการรถไฟฯ มีที่ดินมากมายแปลงใหญ่ และมีศักยภาพสามารถที่จะพัฒนาและสร้างรายได้ เช่น สถานีกรุงธนบุรี, สถานีกลางบางซื่อ, ที่ดินบริเวณอาร์ซีเอ, สถานีแม่น้ำ และที่ดินบริเวณสถานีหัวลำโพง ซึ่งเป็นเรื่องการวางแผนที่ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ว่าจะปิดพรุ่งนี้ เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมานานแล้ว

 

สำหรับปัญหาเรื่องการเดินรถไฟฯ เข้ามาในกลางเมืองนั้น รัฐบาลได้สร้างสถานีกลางบางซื่อขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางไกล, รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายในอนาคต

ขณะเดียวกัน อีกปัญหาหนึ่งของกรุงเทพมหานคร คือ ปัญหาการจราจร เนื่องจากจุดตัดทางถนนกับทางรถไฟ ประกอบกับเมื่อได้ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วนั้น จึงมองว่า ควรมีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพฯ อย่างมีผลเป็นรูปธรรม

ขณะที่วันนี้ได้รับทราบข้อมูลจากสื่อต่างๆ ที่แสดงความเห็น รวมถึงทุกภาคส่วนที่เป็นกังวลเรื่องนี้ว่า จะกระทบต่อประชาชนที่ใช้บริการสถานีหัวลำโพงในการเดินทางเข้ามา-ออกไปหรือไม่นั้น ขณะนี้กระทรวงคมนาคม และ รฟท.ได้บูรณาการร่วมกัน มีการสร้างระบบขนส่งมวลชนรอง (ฟีดเดอร์) เช่น ขสมก.ที่จะเดินทางจากหัวลำโพงไปยังสถานีกลางบางซื่อ 

ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ว่าจะมีแนวมางอีกหนึ่งทางเลอกในการเชื่อมการเดินทางได้

 

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ปัญหาหลัก คือ การใช้ประโยชน์จากสถานีกลางบางซื่อที่ได้ลงทุนก่อสร้างมูลค่าถึง 30,000 กว่าล้านบาท ในขณะเดียวกันปัญหาการจราจรเป็นปัญหาใหญ่ของกรุงเทพฯ ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมีการพิจารณายืนยันว่ากระทรวงคมนาคมและรัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสม

พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมด ที่สำคัญ คือ การพัฒนาประเทศ หากยังไม่สามารถหาตัวแบบที่จะอยู่ร่วมกันได้ ระหว่างสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์กับโลกสมัยใหม่ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาประเทศ จำส่งผลให้เสียโอกาส ดั่งเช่นในอดีตประเทศไทยเคยเป็น 1 ใน 5 เสือในทวีปเอเชีย ซึ่งในวันนี้หลายประเทศนำหน้าประเทศไทยเพราะยังไม่กล้าตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม จะต้องรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายและประเมินว่าอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ และเรื่องใดที่จะต้องดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ปัจจุบันมี 118 ขบวนที่ให้บริการเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ซึ่งต้องมาพิจารณาว่า จะปรับลดเหลือ 22 ขบวน ที่ให้บริการหลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง เชิงพาณิชย์ในวันที่ 29 พ.ย.นี้ มีความจำเป็นที่จะต้องเหลือขบวนให้บริการคงไว้หรือกระทบต่อการจราจรอย่างไร ต้องปรับตารางเวลาการให้บริการหรือไม่ เนื่องจากเมื่อเปิดใช้สถานีกลางบางซื่อแล้ว จะต้องมีการบริหารดูแลสถานี รวมถึงการบำรุงรักษา เพราะหากเปิดวิ่งรถแล้ว อาจจะไม่คุ้มค่าต่อการเปิดสถานีกลางบางซื่อ ก็จะเป็นภาระต่อการรถไฟฯ โดยต้องประเมินว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบอย่างไร

 

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตนเองกล้าตัดสินใจอยู่แล้ว ส่วนใครจะวิภาควิจารณ์อะไรก็ว่าไป เพราะไม่อยากให้การรถไฟฯอยู่แบบนี้ ต้องการให้การรถไฟฯ มีสิ่งที่จะสามารถตอบคนในประเทศนี้ว่าเป็นการรถไฟฯจะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งสามารถประกอบกิจจการแล้วมีกำไรและสามารถดูแลประชาชนได้จริง อย่าเพิ่งไปดราม่ากัน

ส่วนกรณีการหยุดการเดินสถานีหัวลำโพงนั้นจะมีการประชุมพิจารณาทบทวนว่า มีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ ต้องพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง และหากต้องมีการจัดรถรับ-ส่งบริการ รวมถึงต้องหารือกับการรถไฟฯ และดูตัวเลขอีกครั้ง เนื่องจากจะต้องมีการประเมินเปรียบเทียบว่า การวิ่งให้บริการรถไฟเข้ามาสถานีหัวลำโพงกับการจราจรที่ติดขัดในช่วงปรับผ่านว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาถึงสิ่งที่จะมีผลกระทบต่างๆ ว่า จะสามารถปรับเวลาได้หรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รถไฟปรับปลายทาง กระทบคน (หัวลำโพง) แค่ไหน

หลากหลายความทรงจำ ก่อนถึงวันปิด "หัวลำโพง"

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง