ธปท.คาดเริ่มใช้พร้อมเพย์ภาคธุรกิจ ครึ่งหลังปี 65

เศรษฐกิจ
9 ธ.ค. 64
17:33
260
Logo Thai PBS
ธปท.คาดเริ่มใช้พร้อมเพย์ภาคธุรกิจ ครึ่งหลังปี 65
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ธปท.ต่อยอดโครงการพร้อมเพย์ พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการเงินสำหรับภาคธุรกิจ รองรับการทำธุรกรรมการค้าบนแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ช่วยธุรกิจลดต้นทุน และเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในอัตราดอกเบี้ยเหมาะสมมากขึ้น คาดระบบพร้อมให้บริการครึ่งหลังปี 2565

วันนี้ (9 ธ.ค.2564) น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงปัญหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน จากความไม่พร้อมของหลักฐานรับรองรายได้ชัดเจนว่า ธปท. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย กรมสรรพากร สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย สำนักงานระบบการชำระเงิน หรือ PSO และบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด หรือ NITMX เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการชำระเงินสำหรับภาคธุรกิจ หรือโครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business ตามมาตรฐานสากล ISO 20022

โดยโครงการนี้ จะช่วยให้ธุรกิจทำธุรกรรมการค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างครบวงจร ตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถดิบ ออกใบแจ้งหนี้ และชำมธนาคาร พร้อมกับออกใบเสร็จ และใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนประกอบธุรกิจ และยังช่วยสร้างร่องรอยหลักฐานทางการค้า หรือ digital footprint ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลธุรกรรมการค้า และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคธุรกิจด้วยต้นทุนที่เหมาะสม โดยเฉพาะ SMEs รวมถึงสามารถต่อยอดบริการและนวัตกรรมใหม่ๆ อันจะส่งผลให้เกิดการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการระบบแพลตฟอร์มกลาง Smart Financial and Payment Infrastructure for Business ในครึ่งหลังปี 2565

ส่วนบริการสินเชื่อ หรือ digital supply chain financing ซึ่งจะใช้ข้อมูลบนแพลฟอร์มนี้ ตรวจสอบใบ invoice และลดระยะเวลาการพิจารณาสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องมากขึ้น คาดว่าจะเริ่มเปิดในบริการภายในเดือน ธ.ค.2564

ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน และการชำระเงินดิจิทัล ต่อยอดจากบริการพร้อมเพย์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้น เป็น 66.9 ล้านเลขหมาย และมีการใช้งานสูงขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยวันละ 29.5 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 94.1 พันล้านบาทต่อวัน (ข้อมูล ณ เดือน ก.ย.2564)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ไทยพบโควิด "โอมิครอน" แล้ว 3 รอผลยืนยันอีก 1 คน

ราชทัณฑ์ แจงถี่ยิบอาการ "เปรมชัย" ยังไม่ร้องขอย้ายรักษานอกเรือนจำ 

"สุชัชวีร์" ลาออกจาก อธิการบดี สจล. มีผล 13 ธ.ค.นี้ 

"สมเด็จช่วง" วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 96 ปี 

กทม.ถูกจัดอันดับ เมืองเหมาะต่อการทำงาน-พักผ่อนที่สุด 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง