อธิการบดี ม.รามคำแหง ถามกลับมติถอดถอนของสภาฯ เห็นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

สังคม
28 ธ.ค. 64
10:35
1,614
Logo Thai PBS
อธิการบดี ม.รามคำแหง ถามกลับมติถอดถอนของสภาฯ เห็นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งคำถามกลับสภามหาวิทยาลัยถึงมติถอดถอนตำแหน่งอธิการบดีเห็นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขณะที่สภาฯ นัดแถลงประเด็นถอดถอนวันนี้

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2564 เฟซบุ๊ก ลูกพ่อขุนฯ โค่นล้มเผด็จการ ได้โพสต์คลิป ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ชี้แจงหน้าอาคารวิทยบริการและบริหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมตั้งคำถามถึงมติของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่ามติดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

 

โดย ผศ.สืบพงษ์ กล่าวว่า สภามหาวิทยาลัยไม่มีนายกสภาฯ มานานแล้ว ขณะที่อุปนายกสภาฯ ก็เพิ่งลาออกเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้เห็นว่า สภามหาวิทยาลัยมีองค์ประกอบไม่สมบูรณ์ จึงทำหนังสือถามไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว.ว่ากรณีนี้ควรดำเนินการอย่างไร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่ที่ผ่านมาสภาฯ มีการเลือกอุปนายกฯ กันเอง โดยไม่รอคำตอบจาก อว. และมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ออกมา โดยที่ตนเองไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาฯ

ทั้งนี้ กรณีมีคนทำหนังสือร้องเรียนว่า ผมสร้างความแตกแยกในกลุ่มผู้บริหาร เรื่องนี้สภาฯ ไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลับให้ผมทำหนังสือชี้แจง ส่วนกรณีที่ดิน คดีนี้ได้มีการยึดทรัพย์ไปแล้ว ซึ่งการกล่าวหาดังกล่าวไม่ถูกต้อง เป็นการหมิ่นประมาทกับตนเองและครอบครัว

 

สภาฯ เตรียมแถลงถอดถอน "สืบพงษ์"

วันนี้ (28 ธ.ค.2564) เวลา 10.30 น. สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง จะแถลงเรื่องการถอดถอนอธิการบดี ที่อาคารบริหารธุรกิจ (อาคารใหม่)

 

เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม ร้องตรวจสอบคุณสมบัติ "สืบพงษ์"

เมื่อวันที่ ​​​​​​21 ธ.ค.2564 เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ออกแถลงการณ์ว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงคนปัจจุบัน มีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ดังนี้ 

มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นสถาบันการศึกษาระดับประเทศ ที่ได้สร้างบุคลากรจำนวนมากออกรับใช้สังคมทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้สร้างชื่อเสียง เกียรติคุณอย่างอเนกอนันต์ต่อแผ่นดินไทยและสร้างอนาคตให้แก่ลูกหลานไทยมาโดยตลอด

มหาวิทยาลัยรามคำแหงจึงเป็นสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ที่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรควรเป็นแบบอย่างที่ดี ธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกฝ่าย
แต่ปัจจุบันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้พบว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงคนปัจจุบัน มีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย

เนื่องจากมีประวัติการรับโอนทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ โดยเป็นการรับโอนที่ดิน 2 แปลง จากผู้ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยผิดปกติ

อันได้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 52022 ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก และที่ดินโฉนดเลขที่ 52023 ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก

โดยที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ได้รับโอนที่ดินดังกล่าว ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตั้งข้อกล่าวหาบุคคลผู้โอนทรัพย์สินนั้นว่า ร่ำรวยผิดปกติ และแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จและรวมทั้ง ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในเรื่องนี้แล้ว

ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อาจเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งถือเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ และอาจเป็นการรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง

ทั้งนี้ ปัจจุบันที่ดินทั้ง 2 แปลง ได้ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินเรียบร้อยแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2561

เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง เห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง สมควรที่จะต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นเรื่องร้ายแรง ที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ 

ดังนั้น เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2564 เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงได้ส่งผู้แทนไปยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และอุปนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อให้ดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบการกระทำ ของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ตลอดจนกฏหมายอื่น เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือไม่

2. ขอให้มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตรวจสอบคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งอธิการบดีของนายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ ว่าเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562 หรือไม่

และขอให้ตรวจสอบด้วยว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ มีพฤติการณ์ในการปกปิดข้อมูลมิให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับการที่ตนถูกยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาฎีกาที่ 469/2561 หรือไม่

เครือข่ายพิทักษ์คุณธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง จะเฝ้าติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการป.ป.ช. และมหาวิทยาลัยรามคำแหงอย่างไม่ลดละต่อไป และขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ซ้ำรอย “คดีบอส ” เป็นอันขาด

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง