แม่หนุ่มวัย 23 ปี เชื่อลูกชายไม่ได้ลงมือก่อเหตุฆ่ายัดถังขยะ

อาชญากรรม
16 ก.พ. 65
11:45
1,174
Logo Thai PBS
แม่หนุ่มวัย 23 ปี เชื่อลูกชายไม่ได้ลงมือก่อเหตุฆ่ายัดถังขยะ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
แม่ของชายวัย 23 ปี ซึ่งตกเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมยัดถังขยะ จ.สุพรรณบุรี ไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุจริง เพราะเป็นมีนิสัยดี เรียบร้อย ขณะที่ตำรวจ สภ.เดิมบางนางบวช เตรียมแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เวลา 14.00 น.

วันนี้ (16 ก.พ.2565) ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมยัดถังขยะใน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2565 ซึ่งเจ้าหน้าที่ด่านห้วยยะอุ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน เป็นหญิง อายุ 18 ปี และชาย อายุ 23 ปี นั่งรถตู้โดยสาธารณะ มุ่งหน้าสู่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก

ทั้งนี้ ตำรวจกำลังนำผู้ต้องสงสัยเดินทางออกมา แต่ยังไม่ได้นำมาที่ สภ.เดิมบางนางบวช คาดว่าจะต้องมีอนุมัติออกหมายจับ จึงจะพาไปชี้จุดที่เกิดเหตุวันนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก่อน

สำหรับผู้เสียชีวิต คือนางสมศรี อายุ 62 ปี อาศัย ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เป็นยายของหญิงสาว อายุ 18 ปี หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจคุมตัวได้ที่ อ.แม่สอด จากข้อมูล นางสมศรีรับหลานสาวมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก

 

จนอายุ 12 ปี นำไปศึกษาโรงเรียน ใน อ.เมือง จ.นครราชสีมา นางสมศรี จึงย้ายมาเช่าห้องแถววัดสมอราย เพื่ออยู่เป็นเพื่อนหลานสาว และจะกลับบ้านที่ อ.แก่งคอย ทุกวันหยุด

ส่วนสถานที่เกิดเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเสียชีวิตที่ใด ก่อนนำศพมาทิ้งไว้ แต่จากข้อมูลของข้างห้องพักของผู้เสียชีวิต จ.นครราชสีมา เห็นว่ามีรถยนต์ขับเข้ามาหาผู้เสียชีวิต และมักได้ยินผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกับหลาน เนื่องจากหลานมีแฟนที่รู้จักผ่านเฟซบุ๊ก

 

ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นไปยังจุดที่ทิ้งศพอีกครั้ง พบว่าทางเข้าไปไม่ได้ มีหญ้ารก เป็นทางเตียนๆ หญ้าแห้ง ห่างจากถนน 340 ประมาณ 300-400 เมตร หากมองเข้ามาก็สามารถมองได้อย่างชัดเจน และหากมองออกไปก็มองรถที่วิ่งออกไปได้ชัดเช่นเดียวกัน จึงเป็นอีกจุดที่แปลกใจว่าทำไมถึงนำศพมาทิ้งบริเวณนี้

แม่ผู้ต้องสงสัยไม่เชื่อลูกชายก่อเหตุ

แม่ของชายหนุ่มวัย 23 ปี หนึ่งในผู้ต้องสงสัย เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจ และไม่เชื่อลูกชายจะลงมือก่อเหตุจริง เพราะลูกเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย เงียบๆ ทำงานช่วยที่บ้านและเป็นเสาหลักของครอบครัวมาโดยตลอด

และเมื่อวานนี้ หลังตำรวจควบคุมตัวลูกชายไปที่บ้าน ได้มีโอกาสคุยกับลูกชาย ถามว่าได้ก่อเหตุจริงหรือไม่ แต่ลูกชายเงียบ ไม่พูดคุยและไม่ตอบคำถามใดๆ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2565 ลูกชายเดินมาบอกว่าจะไปเที่ยวเขื่อนกับเพื่อนใน จ.ตาก จึงมาขอยืมรถกระบะตอนเดียว สีบรอนซ์เงิน ซึ่งไม่ได้เอะใจและคิดว่าลูกจะกลับถึงบ้านช่วงเย็นจึงให้ลูกยืมรถไป

 

จนกระทั่งเช้าวันที่ 9 ก.พ. ลูกชายยังไม่กลับบ้าน จึงติดต่อลูกผ่านโทรศัพท์ ซึ่งลูกชายยืนยันว่ายังอยู่ที่เขื่อน พร้อมเปิดกล้องวิดีโอคอลให้ดู แต่ได้กลับเข้ามาที่บ้านในเช้าวันที่ 13 ก.พ. โดยไม่มีความผิดปกติใดๆ และบอกแม่ว่าไปเที่ยวเขื่อนกับเพื่อนมา

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 15 ก.พ. ลูกชายบอกว่าจะออกไปทำงาน จึงให้ญาติไปส่งที่ทำงาน จนกระทั่งบ่าย ตำรวจควบคุมตัวลูกชายมาที่บ้าน และบอกว่าลูกชายอาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ซึ่งรู้สึกตกใจและไม่คิดว่าลูกจะก่อเหตุจริง

ที่ผ่านมา ลูกชายเคยเล่าเรื่องแฟนสาวคนนี้ให้ฟังอยู่บ้าน แต่ได้เตือนลูกชายไปว่าระวังถูกหลอก เพราะเป็นคนต่างพื้นที่และอยากให้ลูกชายแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน และหากลูกชายก่อเหตุจริง เชื่อว่าผู้หญิงอาจมีส่วนรู้เห็นด้วย

ส่วนรถกระบะสีบรอนซ์เงิน 4 ประตู ที่ปรากฏในข่าวนั้น ไม่ใช่รถกระบะของตน เพราะรถของตนเป็นรถกระบะสีบรอนซ์เงินตอนเดียวและมีสภาพเก่ากว่านี้

เปิดหลักฐานใหม่จากกล้องวงจรปิด

สำหรับหลักฐานใหม่ที่ได้มา คือภาพนิ่งกล้องวงจรปิดจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บันทึกเวลาวันที่ 10 ก.พ.2565 เวลา 22.52 น. เห็นผู้ต้องสงสัย 2 คน มาด้วยกันกับรถกระบะตอนเดียวของผู้ก่อเหตุผู้ชาย ตอนนั้นยังไม่มีถังอยู่หลังรถ แต่ว่ามาในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี แล้ว

ส่วนวันที่ 11 ก.พ.2565 เวลา 13.45 น. รถดังกล่าวมีถังสีฟ้าตั้งตรงอยู่หลังรถ พร้อมกับมีของอยู่กระบะหลังด้วย พิกัดตรงนั้น คือแยกนางบวช ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 3-4 กิโลเมตร

 

มีการคาดการณ์ว่าคืนวันที่ 10 ก.พ. ที่ยังไม่มีถังหลังรถ คาดว่าศพอยู่ในรถแล้ว พอมาถึงสุพรรณบุรีแล้วก็เตรียมซื้อของหาแล้วไปประกอบการยัดถังตรงจุดเกิดเหตุในพงหญ้า เพราะพยานบอกว่ารถดังกล่าวเข้าไปนานกว่า 2 ชั่วโมง

ตำรวจแถลงข่าว 17 ก.พ. บ่าย 2 โมง

ส่วนตำรวจ สภ.เดิมบางนางบวช ไปขออนุมัติหมายจับที่ศาลเด็กและเยาวชนแล้ว หากมีการอนุมัติหมายจับ ก็จะนำตัวไปชี้จุดที่ จ.นครราชสีมา ก่อน แล้วจึงเดินทางมาที่เกิดเหตุใน จ.สุพรรณบุรี และแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เวลา 14.00 น.

แม่ของสาววัย 18 ปี งงหลานฆ่ายายแท้ๆ

ขณะที่ลูกสาวของนางสมศรี ผู้เสียชีวิตในคดีฆาตกรรมยัดถังขยะ เดินทางรอรับศพมารดา ซึ่งถูกส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ตนเองเป็นลูกสาวแท้ๆ ของนางสมศรี ไม่ใช่ถูกเก็บมาเลี้ยงตามที่ข่าวนำเสนอไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ตนเองมีลูก 5 คน ผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้หญิง เป็นลูกคนที่ 4 ที่ยกไปให้นางสมศรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายเลี้ยง ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ซึ่งที่ผ่านมา นางสมศรี ผู้เสียชีวิต ดูแลผู้ก่อเหตุเป็นอย่างดี อยู่ในสายตาตลอด แม้กระทั่งไปเรียนใน จ. นครราชสีมา ก็เดินทางไปอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม มักจะมีปากเสียงประจำกับหลาน แต่โมโหง่ายหาเร็ว นางสมศรีมีนิสัยชอบเล่นหวยและจะถูกได้เงินงวดละ 40,000 - 50,000 บาท เป็นประจำ ซึ่งไม่เชื่อว่าชนวนเหตุ จะเป็นเงิน 100,000 บาทที่ถูกงวดล่าสุด และอยากถามผู้ก่อเหตุว่าทำไปด้วยอะไร ทำไมถึงกล้าทำกับยายแท้ๆ ได้

นางเจริญศรี กล่าวอีกว่า ได้โทรคุยกับผู้เสียชีวิต ครั้งล่าสุดวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งผู้เสียชีวิต เดินทางกลับมาบ้านที่ อ.แก่งคอย พร้อมกับผู้ก่อเหตุ แต่ว่าไม่ได้เข้าไปที่บ้าน เนื่องจากผู้เสียชีวิตกลัวโควิด-19

แม่ของ 2 ผู้ต้องสงสัยไม่ทราบว่าคบหากัน

แม่ของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้เจอหน้ากัน และถามถึงเหตุแรงจูงใจในการฆ่าครั้งนี้ ซึ่งทั้งฝ่ายต่างไม่ทราบว่าลูกของตัวเองคบกัน และออกไปลงมือด้วยกัน เพราะอะไร ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นเรื่องเงิน

หลานสาวสารภาพทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ขณะที่สามีนางสมศรี กล่าวว่า หลังจากทราบข่าว เดินทางมาจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้คุยกับผู้ก่อเหตุทางโทรศัพท์แล้ว ผู้ก่อเหตุพูดขอโทษ และบอกว่าทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากโดนยายด่าสะสมมานาน

ตำรวจจะนำผู้ก่อเหตุไปชี้จุดทำแผนในห้องเช่าแถววัดสมอราย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางสมศรี เสียชีวิต จากนั้นจะนำมาทำแผนที่ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

คุมตัว 2 ผู้ต้องสงสัย ฆ่ายัดถัง จ.สุพรรณบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง