ศาลฎีกายกฟ้อง 3 จำเลยคดี "ทัวร์ศูนย์เหรียญ"

อาชญากรรม
3 มี.ค. 65
17:58
3,022
Logo Thai PBS
ศาลฎีกายกฟ้อง 3 จำเลยคดี "ทัวร์ศูนย์เหรียญ"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศาลฎีกา ยกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ นื่องจากพยานโจทก์ข้อเท็จจริงฟังไม่ขึ้นว่า จำเลยทำผิดเป็นเพียงการคาดคะเน จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความผิดอั้งยี่ และพ.ร.บ.ฟอกเงิน ไม่ได้ประกอบธุรกิจให้เกิดความเสียหายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และไม่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยว

วันนี้ (3 มี.ค.2565) ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมเกียรติ คงเจริญ อายุ 63 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทซินหยวน ทราเวลจำกัด กับพวกรวม 13 คนเป็นจำเลยฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและร่วมกันฟอกเงิน โดยนายสมเกียรติจำเลยที่ 1 ไม่มาศาล

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 มี.ค.-31 ส.ค.2559 ต่อเนื่องกัน บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวโดยไม่เสียค่าบริการ หรือที่เรียกว่า"ทัวร์ศูนย์เหรียญ" จากนั้นบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด จำเลยให้ใช้รถบัสจำนวน 2,500 คัน รับนักท่องเที่ยวฟรี

โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์ และผู้ขับขี่นำรถไปจอดให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับบริษัท โอเอฯ ซึ่งสินค้ามีราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า แสดงฉลากไม่ถูกต้อง เป็นการขูดรีดนักท่องเที่ยว ไม่เป็นการแข่งขันเสรีทางการค้า อำพรางแบ่งปันผลประโยชน์ โดยบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30-40% ให้มัคคุเทศก์ 3-5 % มีพฤติกรรมลักษณะเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ ปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน จนเกิดความ เสียหายมูลค่า 98 ล้านบาทเศษทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย

คดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องทุกข้อหา ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องทุกข้อหาเช่นกัน แต่ลงโทษเฉพาะตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวให้ปรับ จำเลยที่ 1 กับ 2 และ 13 คนละ 500,000 บาท จำเลยฎีกา

 

สำหรับคดีนี้ ศาลอาญาเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา มาแล้ว 2 ครั้งเนื่องจากทนายความไม่สามารถติดต่อนายสมเกียรติ จำเลยที่ 1 รวมทั้งไม่สามารถส่งหมายนัดให้จำเลยที่ 1 ได้ โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลยกเว้นจำเลยที่ 1

โดยศาลฎีกา ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วเห็นว่าส่วนที่โจทก์ฎีกา กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้ง 13 ร่วมกันกระทำความผิด ฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซึ่งอ้างว่าเป็นความผิดมูลฐานเอง และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 13 ร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่

อ่านข่าวเพิ่ม ศาลสั่งปรับ 3 จำเลย "คดีทัวร์ศูนย์เหรียญ" คนละ 5 แสน 

กรณีนี้จึงไม่มีความผิดมูลฐานอันจะทำให้การกระทำของจำเลยที่ 1-12 กับพวก เป็นความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินได้ โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าจะมีจำเลยคนใดโอนเงินให้บุคคลใด หรือบุคคลใดโอนเงินให้จำเลยคนใด และจำนวนเท่าใดตาม ที่โจทก์บรรยายฟ้องหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาแตกต่างขัดแย้งกันในสาระสำคัญ

จึงไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่สามารถรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3-12 กับพวกกระทำความผิด ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวของจำเลยที่ 1,2,13 โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้ง 13 กับพวกร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวหาประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวเด่น 2559 : แก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ก้าวที่กล้าหรือความผิดพลาด

“พัทยาเงียบ” เหตุปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกจองตั๋วมาไทย

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง