เล็งปรับลดวันนอน รพ. จาก 10 เป็น 7 วัน ให้กักตัวที่บ้านอีก 3 วัน

สังคม
15 มี.ค. 65
17:51
807
Logo Thai PBS
เล็งปรับลดวันนอน รพ. จาก 10 เป็น 7 วัน ให้กักตัวที่บ้านอีก 3 วัน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ปลัด สธ.เผย UCEP Plus ที่จะเริ่ม 16 มี.ค.นี้ สพฉ.กำหนดเกณฑ์ผู้ป่วยสีเหลือง และแดง และทำความเข้าใจสถานบริการแล้ว ย้ำกลุ่มสีเขียวยังรักษาฟรีในโรงพยาบาลตามสิทธิ ส่วนสีเหลืองและสีแดงที่เข้าเกณฑ์เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน รักษาฟรีได้ทุกโรงพยาบาล

วันนี้ (15 มี.ค.2565) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง แนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จะเริ่มวันที่ 16 มี.ค.นี้ ผู้ป่วยยังได้รับการรักษาฟรีทุกราย โดยกลุ่มอาการสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย รักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายที่มีสิทธิการรักษาอยู่เหมือนกับการรักษาโรคอื่น ๆ และใช้ระบบรักษาที่บ้าน/ชุมชน (HI/CI) หรือฮอสพิเทลได้เช่นเดิม

รวมถึงการรักษาแบบผู้ป่วยนอก "เจอ แจก จบ" ส่วนผู้ป่วยอาการสีเหลืองและสีแดง ตามเกณฑ์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน สามารถใช้สิทธิ UCEP Plus เข้ารักษาในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนที่อยู่ใกล้ได้ทุกแห่ง ซึ่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและ สพฉ. ได้ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนแล้ว

กลุ่มอาการสีเหลือง ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจเหนื่อย ปอดอักเสบ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน เด็กมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ไม่ดื่มนม หรือทานอาหารน้อยลง กลุ่ม 608 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ อ้วน น้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัม

ส่วนกลุ่มอาการสีแดง ได้แก่ หอบเหนื่อย พูดไม่เป็นประโยคขณะสนทนา แน่นหน้าอก หายใจแล้วเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง มีภาวะช็อก มีภาวะโคมา ซึมลง มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง และค่าออกซิเจนในกระแสเลือดน้อยกว่า 94%

เล็งปรับลดวันนอน รพ. จาก 10 วัน เป็น 7+3 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับจำนวนวันรักษาโควิด-19 ในโรงพยาบาล ซึ่งเดิมกำหนดไว้ 10 วัน จะมีการหารือปรับลดเป็นลักษณะ 7 + 3 คือ รักษาในโรงพยาบาล 7 วัน และกลับไปแยกกักตัวที่บ้านต่ออีก 3 วัน เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น

ทั้งนี้จะมีการพิจารณาบนหลักของความปลอดภัย ส่วนยารักษาโควิด-19 "โมลนูพิราเวียร์" ที่นำเข้ามา จะใช้ทั้งในกลุ่ม 608 และคนทั่วไป เพื่อเปรียบเทียบผลการใช้กับ "ยาฟาวิพิราเวียร์" หากได้ผลดีสามารถจัดหายาโมลนูพิราเวียร์จากแหล่งผลิตในจีนและอินเดียในราคาที่ใกล้เคียงกับยาฟาวิพิราเวียร์ได้ ส่วน "ยาแพกซ์โลวิด" กำลังจะนำเข้ามา 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง