ราชกิจจาฯ ประกาศขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือนถึง 31 พ.ค.นี้

สังคม
24 มี.ค. 65
12:17
7,233
Logo Thai PBS
ราชกิจจาฯ ประกาศขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือนถึง 31 พ.ค.นี้
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศอีก 2 เดือนตั้งแต่ 1 เม.ย.-31 พ.ค.นี้ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ติดง่ายแพร่ระบาดรวดเร็ว ส่งผลผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยเฉพาะ เม.ย.-พ.ค.นี้ ที่มีวันหยุดยาวหลายวัน

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 17 ) โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.2563 และได้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินคราวที่ 16 ออกไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.2565 นั้น

โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron ) เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง และมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ประชาชนส่วนใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีน ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดแล้วก็ตาม แต่ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมาจะมีวันหยุด ต่อเนื่องหลายช่วง

ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางข้ามจังหวัด เพื่อกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว รวมทั้งอาจมีการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มโดยมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อน ประกอบกับการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ของประชาชน

โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยง ยังคงอยู่ในระดับต่ำ หากเกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้น จะมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบสาธารณสุข และชีวิตของประชาชน กรณีจึงจำเป็นต้องคงไว้ ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติ และชีวิตของประชาชน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ตามมติเมื่อวันที่ 22 มี.ค.65 จึงให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีกคราวหนึ่ง

สำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปควบคู่กัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 31 พ.ค.2565

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง