วันนี้ (31 มี.ค.2565) จากกรณีที่คณะสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงในพื้นที่ อ.กอกาเลก จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ห้ามไม่ให้รถยนต์ทุกชนิดใช้เส้นทางสายเมียวดี - กอกาเลก ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.2565 ทำให้ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ซึ่งมีรายงานว่าผู้ฝ่าฝืนถูกยิง และเผารถไปแล้วหลายคัน และมีผู้เสียชีวิต 3 คน
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ อดีตประธานหอการค้า จ.ตาก เปิดเผยว่า การปิดเส้นทางสายเมียวดี-กอกาเลก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกสินค้าอย่างมาก และประเมินไม่ได้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน เพราะปัจจุบันมีประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเมียนมา ไปร่วมกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมาก
มูลค่าการค้า 2 เดือนกว่า 8.6 พันล้าน
ทั้งนี้ เส้นทางสายเมียวดี-กอกาเลก ถือเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่สุด เพราะใช้ขนส่งสินค้าจากประเทศไทย และสินค้าของเมียนมา ไปยังเมืองย่างกุ้ง และสินค้าบางส่วนจะถูกส่งต่อไปยังประเทศอินเดีย
สำหรับมูลค่าการค้ารวมระหว่างชายแดนไทยและเมียนมา ด้าน อ.แม่สอด ในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.2565 มีมูลค่าประมาณ 7,900 - 8,600 ล้านบาท ถือว่าสูงขึ้นมากจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก ประมาณ 4,600 ล้านบาท
ผู้หนีภัยสู้รบจ่อเข้าไทยกว่า 3 หมื่นคน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ เคเอ็นยู. แจ้งว่า การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านกับทหารเมียนมา ทำให้ราษฎรกะเหรี่ยงกว่า 30,000 คน เตรียมอพยพข้ามมายังชายแดนไทย
ล่าสุด ทหารเมียนมาระดมยิงเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มิลลิเมตร หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ จ.จาอินเสกจี และ จ.โจงดี ทำให้บ้านเรือนราษฎร และวัดได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง