"ทนายษิทรา" ยื่นหนังสือขอ ผบช.น.สอบอ้าง พล.ต.ต.แทรกแซงคดีล่วงละเมิด

อาชญากรรม
22 เม.ย. 65
09:30
1,345
Logo Thai PBS
"ทนายษิทรา" ยื่นหนังสือขอ ผบช.น.สอบอ้าง พล.ต.ต.แทรกแซงคดีล่วงละเมิด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ษิทรา เบี้ยบังเกิด" เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ยื่นหนังสือถึง ผบช.น. ตรวจสอบอ้างตำรวจยศ พล.ต.ต.พยายามแทรกแซงคดีคุกคามทางเพศ ขณะที่ ก่อนหน้านี้ ผบช.น. ระบุว่า ตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบว่า มีตำรวจระดับนายพลคนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี

วันนี้ (22 เม.ย.2565) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ผบช.น. ให้ตรวจสอบเรื่องตำรวจยศ พล.ต.ต. พยายามแทรกแซงคดีคุกคามทางเพศ โดยระบุว่า ขอให้ ผบช.น.ตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของแม่ผู้เสียหาย และตรวจสอบว่า พล.ต.ต.คนนี้ได้ต่อสายถึงพรรคการเมืองใดหรือไม่

เบื้องต้นทราบว่า เป็นตำรวจที่เกษียณไปแล้ว เคยเป็นอดีตผู้บังคับการจังหวัดหนึ่ง ทางภาคตะวันออก หากตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ช่วงเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา แล้วพบว่า มีการโทรศัพท์คุยกันแล้วประสานงานกับพรรคการเมือง หรือใครที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา ก็จะทราบความสัมพันธ์และสาเหตุที่มีการพูดคุยกัน

นายษิทรา ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายแจ้งว่า ครอบครัวปรึกษากับ พล.ต.ต.คนนี้ มาโดยตลอด โดยอ้างว่าเป็นลุง ซึ่งหลังตนเองให้คำปรึกษาไปก็พบว่า ผู้เสียหายไม่ได้ให้ความร่วมมือ ขณะนี้ยังไม่ถึงกับมีการกลับคำให้การ แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อนว่า พล.ต.ต.คนนี้มีความสัมพันธ์อะไร ซึ่งตำรวจต้องตรวจสอบว่ามีการข่มขู่ คุกคาม ชักจูง หรือแนะนำใด ๆ ที่ส่งผลเสียต่อรูปคดีหรือไม่

ผู้เสียหาย 15 คน ที่แจ้งความดำเนินคดีและเป็นพยาน ยังไม่มีการกระทำใดๆ ที่จะเข้ามาทำให้เสียรูปคดี แต่ขณะนี้ผู้ต้องหาตั้งหลักได้แล้ว และอาจจะหากลยุทธ์ที่ทำให้ตัวเองมีความชอบธรรมมากขึ้น หลังจาก 15 คนนี้แล้ว อาจต้องระวังมากขึ้น

สำหรับคดีเด็กอายุ 18 ปี การเก็บหลักฐานครบถ้วน ทั้งผู้เสียหายและแม่ก็ได้ไปให้ปากคำ ตำรวจเก็บกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุแล้ว โดยพบว่า มีการไปสถานที่ดังกล่าวจริง ส่วนผู้เสียหายที่ประเทศอังกฤษ ขณะนี้ได้ให้ข้อมูลติดต่อผู้ประสานงานด้านกฎหมายไปแล้ว

ไม่กังวลเรื่องถูกฟ้องกลับ ตอนนี้หยุดคดีไม่ได้ เพราะผู้เสียหายมีจำนวนมาก ถือเป็นภัยสังคม หากไม่หยุดวันนี้ ในอนาคตอาจจะมีผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก ทั้งหมด 15 คดี ไม่มั่นใจว่าตำรวจจัดการสำนวนคดีอย่างไร แต่มั่นใจว่าเข้าเป้าเกินครึ่ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า จากตรวจสอบในตอนนี้ยังไม่พบว่า มีตำรวจระดับนายพลคนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี แต่หากพบว่า เข้าไปยุ่งเกี่ยวและข่มขู่พยานหรือผู้เสียหาย ก็จะดำเนินคดีทันที

หากเป็นการแนะนำพูดคุยกับผู้เสียหายเป็นการส่วนตัวในคดี ตำรวจไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้เสียหาย แต่ยืนยันว่าผู้เสียหายทั้งหมดไม่ถอนแจ้งความ

ส่วนที่ทางทนายอ้างว่า ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ ตำรวจขอยืนยันว่า ตำรวจยังสามารถติดต่อผู้เสียหายได้ทุกคน โดยเฉพาะผู้เสียหายคนแรกที่มีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะเอาผิดผู้ก่อเหตุได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง