บทวิเคราะห์ : มหากาพย์สุดหิน “ปฏิรูปตำรวจ”

การเมือง
17 มิ.ย. 65
14:41
438
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : มหากาพย์สุดหิน “ปฏิรูปตำรวจ”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หากนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจตั้งแต่กลางปี 2560

เมื่อจัดทำเสร็จ รัฐบาลได้ส่งต่อไปให้กับชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ รองรับการปฏิรูปครั้งใหม่ เดือนเมษายน 2561 ก่อนจะมีการแต่งตั้งกรรมการพิจารณาอีกครั้งในปี 2562 มีนายมีชัยเป็นประธานเช่นกัน

แต่ต้องส่งร่างไปให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบแก้ไขเสียก่อน จึงนำไปสู่ประเด็นคำถามตามมาอย่างน้อย 2 ข้อ 1.ใช้เวลาดำเนินการนานถึง 1 ปีเต็ม จนโดนเหน็บในทีว่า เก็บดองไว้นาน และ 2.เนื้อหาสาระในร่างที่ส่งกลับ กลายเป็นการแปลงร่าง แตกต่างจากต้นร่างชุดนายมีชัยแบบหนังคนละม้วน

จากต้นร่างเดิม ชุดของพล.อ.บุญสร้าง กำหนดให้นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบาย แต่ให้ ผบ.ตร.มีอำนาจเต็ม ตั้งแต่เลื่อน ลด ปลด ย้าย และมีการโอนถ่ายภารกิจ ให้อิสระในการบริหารและงบประมาณ

ถึงร่างนายมีชัย ได้เพิ่มเติมให้มีการเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็น ก.ตร.(คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) ปรับสัดส่วนให้หลากหลายมากขึ้น มีผู้บังคับบัญชาเฉพาะสำหรับสายงานการสอบสวน

แต่ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ....ที่ผ่านการตรวจสอบแก้ไขโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาวาระที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้ มีข้อครหาว่า

ถูก “แปลงร่าง” จากโครงสร้างเดิมอย่างชัดเจน ท่ามกลางเสียงร่ำลือในกลุ่มฮาร์ดคอร์การเมืองว่า ไม่น่าจะเป็นได้แต่เป็นไปแล้ว เพราะเมื่อจัดทำร่างเสร็จ ต้องส่งไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขตรวจสอบอีกชั้นหนึ่งก่อน

เมื่อมีสาระปรับลดบทบบาทและอำนาจที่ “บิ๊ก” ตำรวจเคยมีเคยได้ลง เนื้อหาในร่างที่ส่างกลับคืน จึงมีการตัดทอนเรื่องโดนลดบทบาทและถูกทอนอำนาจออกไป จนเป็นการ “แปลงร่าง” ผิดไปจากต้นร่างที่ถูกส่งมาตอนแรก

นอกจากการประชุมพิจารณาของสภาฯ จะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ทั้งที่มีร่างกฎหมายสำคัญรอคิวพิจารณาอยู่ในลำดับถัดไป คือร่างแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และร่างกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว ยังมีเรื่องประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่าถูกต้องเหมาะสมหรือเปล่า ตรงใจกลุ่มที่อยากเห็นการปฏิรูปตำรวจหรือไม่

เฉพาะในการประชุมวันที่ 16 มิ.ย.2565 มีทั้งเรื่องตัดสิทธิ์ตำรวจชั้นผู้น้อย ไม่ให้มีสิทธิ์โหวตเลือก ก.ตร. และเรื่องเปิดทางให้ฝ่ายการเมือง คือนายกรัฐมนตรี กลับไปนั่งเป็นประธาน ก.ตร. หรือประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะผู้เสนอรายชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ผ่านที่ประชุม ก.ตร.

ต่างจาก พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2547 ที่ยังคงใช้อยู่ เพราะอำนาจการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ เป็นของ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน ผ่านที่ประชุม ก.ตร. จากนั้นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำความกราบบังคมทูล โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

ด้วยข้ออ้างถ่วงดุลอำนาจผบ.ตร. ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นแตกต่างออกไป และไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย กระทั่งนำไปสู่การแก้ไขและให้อำนาจ ผบ.ตร. ไม่ใช่ให้อำนาจฝ่ายการเมือง ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนต่อไป

เนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ ยังเหลือการพิจารณาอีกประมาณ 100 มาตรา คาดการณ์กันว่า สภาฯ อาจต้องใช้เวลาประชุมพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ยาวไปถึงต้นเดือนกรกฎาคม อีกทั้งเนื้อหายังต้องลุ้นอีกหลายเรื่อง

รวมทั้งอำนาจและการตรวจสอบถ่วงดุล การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเป็นที่มาของสารพัดตั๋ว รวมทั้ง “ตั๋วช้าง” ที่ถูกหยิบยกไปใช้ในการอภิปรายไม่ว้างใจรัฐบาลในครั้งที่ผ่านมา

พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ จึงสำคัญและเชิญชวนติดตามดูบทสรุปสุดท้ายด้วยใจที่จดจ่อ ห้ามกระพริบตา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง