วันนี้ (8 ก.ค.2565) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงหลังการประชุม ศบค. โดยระบุว่า ในที่ประชุมมีการนำเสนอเกี่ยวกับแผนการฉีดวัคซีนเดือน ส.ค.2565 ว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 อยู่เพียง 47.1% เด็กอายุ 12-17 ปี ฉีดเข็มกระตุ้นเพียง 20.5% เท่านั้น
นายกฯ ให้ความสำคัญต่อการติดเชื้อในโรงเรียน และเห็นว่าแต่ละที่มีการปรับไปสอนออนไลน์แล้ว ดังนั้น จึงอยากให้กรมควบคุมโรค และกรมอนามัยให้ความดูแลโรงเรียนต่าง ๆ อย่างเต็มที่ รวมถึงสนับสนุนให้กลุ่มเหล่านี้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย
ขณะที่โพลจากกรมควบคุมโรค สำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 5,000 คน เกี่ยวกับความคิดเห็นเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น พบว่า 34.8% ฉีดพอแล้ว ขณะที่ 20.5% รอฉีด ส่วน 19.2% กลัวอันตราย และอีก 16.7% ระบุว่า เพิ่งหายป่วยจากโควิด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยสามารถจัดหาวัคซีนและได้รับมอบแล้วรวม 169.76 ล้านโดส ยืนยันว่า ขณะนี้มีเพียงพอแน่นอน พร้อมย้ำว่า 4 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อได้ 76% ป้องกันการป้วยหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
นพ.ทวีศิลป์ ยังระบุอีกว่า ในที่ประชุมได้รับทราบการเปลี่ยนวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นชนิด Long Acting Antibody (LAAB) จำนวน 257,500 โดส ซึ่งเป็นวัคซีนที่สามารถใช้ได้ในคนโรคไตระยะสุดท้าย คนที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน รวมถึงคนที่รอเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีการรักษามาให้คนทุกกลุ่มได้เข้าถึงวัคซีน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนวัคซีนไฟเซอร์ที่เหลือการรับมอบอีก 3.6 ล้านโดส ให้มาเป็นไฟเซอร์ Maroon cap ซึ่งเป็นวัคซีนเฉพาะของเด็กกลุ่ม 6 เดือน - 5 ปี แทน ซึ่งจะเป็นข่าวดีสำหรับเด็กเล็ก ๆ ที่จะได้รับวัคซีน