บทวิเคราะห์ : ศึกใหญ่ของพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้าน

การเมือง
8 ก.ค. 65
15:11
472
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : ศึกใหญ่ของพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

การประกาศเตรียมปรับทัพของพรรคเพื่อไทย โดยตั้งพรรคครอบครัวเพื่อไทยเป็นพรรคคู่ขนาน แต่จะเน้นที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่พรรคเพื่อไทยจะเน้น ส.ส.เขต ถือเป็นการขยับตัวอย่างรวดเร็วของพรรคเพื่อไทย หลังรัฐสภามีมติด้วยเสียงข้างมาก เลือกสูตรหาส.ส.บัญชีรายชื่อโดยการหาร 500 เท่ากับเป็นการดับฝัน “แลนด์สไลด์” อย่างปฏิเสธไม่ได้

เพียงแต่อาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายยุทธศาสตร์ของพรรค หรืออาจเป็นเพียงยุทธศาสตร์ลับ ลวง พราง ก็เป็นได้ เพราะยุทธวิธีในการรับมือหรือพลิกเกมสู้ ไม่จำเป็นต้องรีบประกาศให้คู่แข่งได้ทราบทันที ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแพ้โหวตได้ไม่ถึงหนึ่งวัน และสามารถซุ่มเก็บไต๋เอาไว้ใช้เมื่อถึงเวลาจริงได้ แต่ทำไมจึงรีบแถลง ไม่หวั่นพรรคอื่น โดยเฉพาะพลังประชารัฐ จะนำไปใช้หรือ

คำตอบหนึ่งที่ฟังขึ้นได้ คือเพื่อปลุกปลอบขวัญ ส.ส.ของพรรค ที่มีบางส่วนที่เตรียมย้ายออกจากพรรค หลังแพ้โหวตหาร 500 จะได้เกิดความมั่นใจไม่ย้ายออก

นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยัง FC ของพรรคด้วย หลังจากมีการเปิดแคมเปญรณรงค์กลับ “บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” โดยกำหนดเป้าไว้ที่ 12 ล้านเสียงเท่ากับจำนวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งส.ส.ครั้งก่อน

เพื่อไทยพรรคใหญ่จึงจะเดือดร้อนกว่า เพราะพรรคขนาดกลางหรือขนาดเล็ก ยังมีโอกาสจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เช่น พรรคอนาคตใหม่ ในครั้งเลือกตั้ง ปี 2562 ได้อานิสงส์จากระบบจัดสรรปันส่วนผสม จนได้ส.ส.มากถึง 81 คน เป็นส.ส.เขตเพียง 26 คน ที่เหลือเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ

ครั้งนี้แม้จะต่างจากปี 2562 เพราะมีบัตรเลือกตั้งแยกแบบเขต กับบัญชีรายชื่อออกจากกัน เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก เช่นเดียวกับพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังมีโอกาสได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้เหมือนเดิม

ทุกพรรคการเมือง จึงกำลังจะนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐด้วย ภายใต้กติกาที่เปลี่ยนใหม่เป็นครั้งที่ 5 ในการเลือกตั้งส.ส. 6 ครั้งหลังสุด แต่ปัจจัยสนับสนุนของแต่ละพรรคจะแตกต่างกัน

โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ที่ยืนยันจะส่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดทนายกฯ จะได้เปรียบทุกพรรค เพราะเท่ากับมีเสียงตุนอยู่ในมือ 250 เสียงสำหรับร่วมโหวตเลือกนายกฯ จากส.ว.ชุดนี้ 250 คน ที่จะยังสถานภาพอยู่จนถึงปี 2567

พรรคเพื่อไทยจึงไม่มีทางเลือกอื่น ต้องส่งส.ส.เขตให้มากที่สุด อาจครบทั้ง 400 เขต หลังจากครั้งที่ผ่านมาส่งเพียง 250 เขต เพื่อต้องการหลีกทางให้พรรคไทยรักษาชาติที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน

นอกจากนี้ต้องมีการวางยุทธศาสตร์อื่นเพิ่มเติม อาทิ จับมือเป็นพันธมิตรอย่างจริงจังกับพรรคก้าวไกล ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกัน แต่ก็แฝงนัยการแย่งชิงการนำและแย่งชิงมวลชนกันอยู่ในที

ทั้งยังต้องสร้างหลักประกันผูกมัดพรรคอื่น ๆ ทั้งฝ่ายค้านปัจจุบันและพรรคจัดตั้งใหม่ อย่างพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ พรรคกล้าของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ และพรรคสร้างอนาคตไทยของกลุ่ม 2 กุมาร

รวมกระทั่งพรรคเล็กพรรคน้อยเอาไว้ให้ได้ เพื่อหวังให้ได้ส.ส.รวมกันตามเป้า 376 เสียง เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา คือ ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน 750 คน เพื่อขจัดความสำคัญของเสียง ส.ว.250 เสียงที่จะหมดลงทันที ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องยาก หากจะหวังไปดึงพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันมาอยู่ในขั้วเดียวกันเพื่อฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังศึกเลือกตั้ง

แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องเผชิญ หากยังหวังจะชนะและชิงจัดตั้งรัฐบาลตัดหน้าขั้วรัฐบาลปัจจุบัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง