BTSC เคลียร์ปมไม่เปิดสัญญา "BTS สายเขียว" หนุนปลดล็อกหนี้ 40,000 ล้าน

เศรษฐกิจ
19 ก.ค. 65
18:19
1,347
Logo Thai PBS
BTSC เคลียร์ปมไม่เปิดสัญญา "BTS สายเขียว" หนุนปลดล็อกหนี้  40,000 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
BTSC แจงทุกประเด็น ไม่เปิดสัญญา " BTS สายสีเขียว" ชี้เป็นความลับทางการค้า ยืนยันขาดทุนทุกปี แต่ไม่คิดเก็บเงินค่าบริการ พร้อมเจรจากับทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกปัญหาการชำระหนี้ 40,000 ล้านบาทเร็วที่สุด

วันนี้ (19 ก.ค.2565) นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ชี้แจงกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า BTSC ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อสัญญาที่ทำไว้กับทางบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด KT และกทม. อย่างเคร่งครัด 

ขณะนี้ BTSC ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เดือนเม.ย.2560 จำนวนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าจ้างจากการเดินรถและบำรุงรักษา ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า) และส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และค่าติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล จนต้องมีการกู้เงินมาใช้จ่ายจำนวนมาก

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการใน 2542 ถึงปัจจุบัน BTSC ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารไปเพียงแค่ 3 ครั้ง และเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติจากกทม. เพื่อเบาภาระค่าโดยสารให้แก่ประชาชน

โดยเมื่อเปิดให้บริการช่วงแรก 23 สถานี ระยะทาง 23.5 กม. ในปี 2542 คิดอัตราค่าโดยสาร 10-40 บาท แต่เพดานค่าโดยสารสูงสุดที่ กทม. กำหนดไว้ให้คือ 15-45 บาท และการปรับขึ้นค่าโดยสารทั้ง 3 ครั้ง ที่เกิดขึ้นนั้น แบ่งเป็น

  • ครั้งที่ 1 ปี 2550 ปรับอัตราค่าโดยสารเป็น 15-40 บาท จากเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติ ในอัตรา 18.79-56.36 บาท
  • ครั้งที่ 2 ปี 2556 ปรับอัตราค่าโดยสารเป็น 15-42 บาท จากเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติ ในอัตรา 20.11-60.31 บาท
  • ครั้งที่ 3 ปี 2560 ปรับอัตราค่าโดยสารเป็น 16-44 บาท จากเพดานค่าโดยสารที่ได้รับอนุมัติในอัตรา 21.52-64.53 บาท

ยันต่อสัญญา 30 ปี-ยังไม่เรียกเก็บเงิน 

ส่วนกรณีที่มีการทำสัญญาจ้าง BTSC เดินรถและซ่อมบำรุงโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 เพราะต้องการให้เกิดการเดินทางแบบไร้รอยต่อ โดยที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขบวน

ซึ่งทุกฝ่ายในคณะทำงานขณะนั้นเห็นว่า การว่าจ้างเป็นระยะเวลาดังกล่าวมีความเหมาะสม เพราะหากว่ามีการจ้างในระยะเวลาสั้นกว่านี้ เช่น ให้การจ้างสิ้นสุดในปี 2572 พร้อมกับสัมปทานในส่วนเส้นทางหลัก ค่าจ้างเดินรถต่อปีก็จะสูงกว่า

โดยในส่วนต่อขยายที่ 1 ได้ลงนามเป็นระยะเวลา 30 ปีตั้งแต่ปี 2555–2585 และส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ได้ให้เหตุผลเดียวกัน เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้รถไฟฟ้าในเส้นทางเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง

จึงได้ลงนามในสัญญาทั้งสิ้น 25 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2585 เพื่อให้สัญญาส่วนต่อขยายทั้ง 2 ส่วนหมดอายุพร้อมกัน ในระหว่างการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายที่ 2 ก็ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้โดยสาร และ KT ก็ไม่ได้จ่ายค่าจ้างเดินรถ จนเกิดเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้น

BTSC ยืนยันพร้อมเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาทั้งหมด หากอยู่บนเงื่อนไขของความถูกต้อง และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและรักษาสัญญาที่มีต่อกัน เพราะในฐานะที่เป็นบริษัทลูกของ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นประชาชนร่วมลงทุนอยู่จำนวนกว่า 101,700 คน รวมถึงมีเจ้าหนี้ที่ให้เงินกู้แก่ BTSC มาประกอบธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา BTSC ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด

แจงปมไม่เปิดสัญญาบีทีเอสสายเขียว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องสัญญาให้บริการเดินรถระหว่าง KT และ BTSC มีข้อสัญญาเรื่องรักษาความลับ เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่จะกำหนดในสัญญาระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง และป้องกันความเสียหายจากการใช้ข้อมูลของคู่สัญญาทั้งฝ่ายรัฐ และเอกชนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อน

โดยข้อสัญญารักษาความลับนี้ไม่ได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันการตรวจสอบความโปร่งใส และทุจริต เนื่องจากข้อสัญญารักษาความลับได้มีการกำหนดข้อยกเว้นให้สามารถเปิดเผยข้อมูลในสัญญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือตามคำสั่งของหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว 

ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2555 BTSC ก็รับทราบว่าได้มีองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบและได้ไป ซึ่งสัญญาให้บริการเดินรถฯ รับทราบจาก KT ว่าได้ส่งมอบข้อมูลกับ กทม.แล้วในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ BTSC

เรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของกทม.ที่จะพิจารณาว่าสามารถเปิดเผยอย่างไร ภายใต้ข้อสัญญารักษาความลับดังกล่าว 

ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลบางส่วนในสัญญา เป็นข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้า และสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จึงต้องมีความระมัดระวังในการเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย หากจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญดังกล่าว ก็ควรจะเปิดข้อมูลในสัญญาของทุกๆ โครงการเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน

 

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการขยายสัมปทานออกไปอีก 30 ปีไม่ได้เป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นจาก BTSC แต่อย่างใด แต่เป็นผลของการเจรจากับคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ กทม. BTSC เห็นว่าสามารถดำเนินการได้และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงได้รับที่จะมีการแก้ไขสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว 

BTSC ต้องการเพียงให้มีการชำระหนี้ที่ค้างชำระกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการดำเนินกิจการและชำระหนี้ของ BTSC ซึ่งเกิดขึ้นจากโครงการนี้ ทั้งนี้ BTSC ได้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ ซึ่งได้รับทราบจากทาง KT ว่า อยากที่จะมีการตกลงชำระหนี้ดังกล่าวโดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลฯ โดยเร็วที่สุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กทม.ถกเอกชนปมรถ " BTS สีเขียว" ยังไม่ยอมเปิดสัญญา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง