ตร.บุกทลายแก๊งส่ง SMS ลวงกู้เงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้าน

อาชญากรรม
24 ส.ค. 65
11:24
781
Logo Thai PBS
ตร.บุกทลายแก๊งส่ง SMS ลวงกู้เงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจสอบสวนกลาง บุกทลายเครือข่ายส่งข้อความหลอกลวงกู้เงิน ซึ่งเป็นเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ หลังตรวจสอบพบมีพฤติการณ์ปลอมใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้านบาทใน 1 เดือน

วันนี้ (24 ส.ค.2565) ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.นำกำลังเจ้าหน้าที่ทลายเครือข่าย ส่งข้อความหลอกลวงกู้เงิน ซึ่งถือเป็นเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่คอยหลอกลวงประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง

ปฏิบัติการครั้งนี้ทำการตรวจค้น 6 จุด ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.ปทุมธานี จ.สมุทรสาคร จ.มุกดาหาร และ จ.ระยอง สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ทั้งหมด 4 คน แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำ 6 คน และ ประสานความร่วมมือกับสำนักอัยการสูงสุดเพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนจำนวน 4 คน รวมผู้ต้องหาทั้งสิ้นจำนวน 14 คน ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทยจำนวน 2 คน

พฤติการณ์สืบเนื่องมาจาก เมื่อประมาณกลางปี 2564 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และประชาชนจำนวน 4 คน ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก. 5 บก.ปอศ. ด้วยเหตุถูกกลุ่มผู้กระทำผิดแอบอ้างตนเองในลักษณะมีการเปิดแอปพลิเคชัน บีบาท (BeeBaht) และแอปพลิเคชัน DD Cash และการโฆษณาผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีการแสดงตัวว่าประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้ชื่อว่า บริษัท บีบาท จำกัด ได้แอบอ้างใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเอกสารปลอม เป็นเหตุให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และประชาชน ได้รับความเสียหาย

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทำการปลอมใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ โดยภายในระยะเวลา 1 เดือน พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุใช้บัญชี 23 บัญชี มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 400 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 เดือน และมีการยักย้ายถ่ายเทเงินในระยะเวลาที่รวดเร็วเป็นทอด ๆ และจะแปรเปลี่ยนเงินที่ได้จากการหลอกลวงดังกล่าวเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค, รถไถนา, ทองคำแท่ง โดยซื้อจากประเทศไทย ก่อนจะนำส่งออกไปยังประเทศกัมพูชา

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการ ได้สืบสวนจนสามารถ พิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว จำนวน 16 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาและขยายผลจับกุมต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง