"ไบเดน" ประกาศยกหนี้การศึกษา ให้คนมีรายได้ปานกลาง

ต่างประเทศ
25 ส.ค. 65
07:42
764
Logo Thai PBS
"ไบเดน" ประกาศยกหนี้การศึกษา ให้คนมีรายได้ปานกลาง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศยกหนี้การศึกษาให้คนมีรายได้ปานกลาง ครอบคลุมชาวอเมริกันนับสิบล้านคน

วันนี้ (25 ส.ค.2565) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกหนี้การศึกษา สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ชาวอเมริกัน ขณะที่กลุ่มลูกหนี้ซึ่งรับเงินช่วยเหลือจากกองทุน Pell Grants ซึ่งเป็นกองทุนให้เปล่าสำหรับผู้ที่ขาดแคลนอย่างหนัก จะได้รับการยกเว้นหนี้มากถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ไบเดน ระบุว่า นโยบายหนี้จะช่วยให้ชาวอเมริกันยกภูเขาหนี้ออกจากอกได้ ทำให้ชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงานชาวอเมริกันหายใจหายคอได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังประกาศขยายระยะเวลาการระงับการชำระดอกเบี้ยและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระคืนหนี้ดังกล่าวมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2020 แล้ว และจะหมดอายุลงในปลายเดือน ส.ค.นี้ โดยขยายเวลาครั้งสุดท้ายไปจนถึงสิ้นปีนี้ด้วย

 

 

ข้อมูลจากระบบสินเชื่อเพื่อการศึกษาของสหรัฐฯ ชี้ว่ายอดเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้นค่อนข้างก้าวกระโดด ปี 2007 มียอดหนี้รวม 516,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อมาอีก 7 ปีในปี 2014 เพิ่มเป็น 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดปีนี้ 2022 เพิ่มเป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยอดหนี้รวมกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 51.2 ล้านล้านบาท มีการประเมินไว้ว่ามีลูกหนี้รวมประมาณ 43 ล้านคน ในจำนวนนี้ประมาณ 1 ใน 5 มียอดหนี้ไม่ถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย คำนวณไว้ว่า การยกหนี้ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ผู้กู้แต่ละคนที่รายได้ต่อปีไม่ถึง 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับรัฐบาลกลางจะสูญเงินประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

และการศึกษาโดยนักเศรษฐศาสตร์จากระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ พบว่า จะมีคนได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ราว 11.8 ล้านคน หรือราว 31% ของผู้ที่มีหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาในสหรัฐฯ ส่วนทำเนียบขาวประเมินว่ามาตรการนี้จะครอบคลุมผู้กู้ราว 20 ล้านคน

 

นอกจากนี้ ไบเดน ยังระบุว่า 1 ใน 3 ของผู้กู้ มีหนี้การศึกษา แต่ไม่มีวุฒิการศึกษา เล็งเห็นว่าภาระหนี้กับสภาวการณ์ปัจจุบัน ทำให้ต่อให้เรียนจบมีปริญญาก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างชนชั้นกลางได้เหมือนในสมัยก่อน คนหรือครอบครัวที่มีรายได้สูงจะไม่ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้

นโยบายนี้เผชิญเสียงสนับสนุนและวิจารณ์พอควร ฝั่งคนวิจารณ์ รวมถึงรีพับลิกัน มองว่า การยกหนี้จะช่วยส่งให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น เพราะเท่ากับทำให้คนจำนวนมากมีเงินไว้ใช้จ่ายมากขึ้น มูลค่ารวมของเงินที่คนไม่ต้องใช้หนี้แต่เอามาใช้จ่ายได้มากเป็น ขณะเดียวกัน มองไปที่คนที่จ่ายหนี้การศึกษาจนหมดแล้ว ก็ไม่ค่อยยุติธรรมกับพวกเขาเท่าไร

อีกด้านหนึ่งอาจมองได้ว่า มาตรการยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเอาใจคนที่มีแนวคิดเสรีนิยม และอาจเป็นประเด็นการพิจารณาที่สำคัญในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ในปีนี้ โดยเฉพาะกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นคนหนุ่มสาวที่มีการศึกษาสูง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีแนวโน้มจะสนับสนุนพรรคเดโมแครต

ฝ่ายสนับสนุน มองว่า นโยบายนี้ช่วยลดช่องว่างทางรายได้ และแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับเรื่องเชื้อชาติด้วยซ้ำ

 

ข้อมูลจากการศึกษาโดย Brookings Institution ระบุว่า นักศึกษาผิวดำมีแนวโน้มกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาจากภาครัฐเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าชาวอเมริกันเชื้อสายอื่น และโดยเฉลี่ยแล้ว หลังเรียนจบปริญญาตรี 4 ปี ผู้กู้ที่เป็นชาวอเมริกันผิวดำมักมีหนี้มากกว่าอเมริกันผิวขาวร่วม 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก ชี้ว่า หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันในช่วงอายุ 25-34 ปีมี โดย 67% ของผู้กู้ยืมเพื่อการศึกษามีอายุต่ำกว่า 40 ปีกันทั้งสิ้น

ในสหรัฐฯ มีโครงการสนับสนุนเงินทุนทางการศึกษามีหลายโครงการ มีการให้สินเชื่อเพื่อการศึกษาของภาครัฐ โครงการเรียนและทำงานไปด้วย เพื่อสร้างรายได้ 

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง