วันนี้ (31 ส.ค.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่กังวลกรณีพรรคร่วมรัฐบาลลงพื้นที่ปฏิบัติราชการแล้วจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในสนามเลือกตั้ง และไม่ห่วงหากจะเกิดการยุบสภาฯโดยคิดถึงความพร้อมแต่ละพรรคที่ลงพื้นที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร และลงพื้นที่กันอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
นายอนุทินยังมองว่า เป็นไปไม่ได้หากจะเกิดการยุบสภาฯในห้วงเวลานี้แล้วทำให้สถานะของรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการไปจนถึงการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปกที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย.นี้ พร้อมชี้ว่า หากยุบสภาฯไปแล้วสภาพของรัฐบาลก็เปรียบเสมือนเป็นเป็ดง่อย
โดยเฉพาะรัฐบาลรักษาการจะถูกทวงถามเรื่องการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ซึ่งตามกฏหมายเมื่อยุบสภาฯก็ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 - 60 วัน และ ส.ส. แต่ละพรรคมีเวลา 30 วัน ในการย้ายสังกัด ขออย่าคิดฉากทัศน์สิ่งที่อยู่นอกเหนือที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้เห็นว่าหากจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันนับแต่การยุบสภาฯไม่ได้นั้นเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญต้องมีคนรับผิดชอบ โดยไม่ใช่หัวหน้าพรรคการเมืองที่ต้องรับผิดชอบ
และเห็นว่าหากมีการยุบสภาฯก่อนการจัดประชุมเอเปกก็ถือเป็นการยุบสภาฯ และสิ่งที่ต้องทำโดยเร็วคือการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อให้มีรัฐบาลมาบริหารประเทศ แต่หากยุบสภาฯ แล้วจำเป็นต้องรับแขกบ้านแขกเมืองก็ต้องสงสารผู้นำว่าใครที่ต้องการจะมาคุยกับไทยที่อยู่ในภาวะรักษาการ ย้ำว่า อย่าไปมองเขาให้มองเรา
ส่วนตัวนายอนุทินบอกว่า ขอพูดตรง ๆ ไม่เคยมองเรื่องการยุบสภาฯเพราะตัวเองไม่มีอำนาจในการยุบสภาฯ คนเดียวที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ คือ นายกฯ และเมื่อไม่สามารถที่จะควบคุมการยุบสภาฯได้สิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลทำได้คือการเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดสำหรับสนามเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญขีดเส้นให้เดินแล้ว หากดำเนินการผิดกรอบนอกรัฐธรรมนูญก็จะส่งผลให้เป็นโมฆะและถูกดำเนินคดีเกิดความวุ่นวาย โดยย้ำว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าเดินตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งอายุของรัฐบาลนับจากนี้ก็เหลือเวลาอีก 7 เดือน
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่พูดถึงตัวเองว่า ทุกคำติติงถือเป็นการชม การสั่งสอน โดยเห็นว่า เมื่อผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพูดถึงส่วนตัวก็ดีใจ เพราะนายทักษิณเป็นผู้บังคับบัญชาที่เคยผลักดันให้ตัวเองได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในอดีต
ทุกคำสอนจะนำมาปรับปรุง โดยย้ำว่า คิดถึงวันดีดีที่ผ่านมารวมถึงความเมตตา ความเอ็นดูของอดีตนายกฯ ที่มีให้เชื่อว่า หากไม่มีการเมือง นายทักษิณก็ยังเอ็นดูเหมือนเดิมเพราะทุกอย่างโลกนี้คือละคร
ส่วนการจับมือตั้งรัฐบาลในอนาคตนั้นจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ก็อยู่ที่ผลการเลือกตั้งที่จะเป็นคำตอบทุกอย่าง
นายอนุทิน ระบุถึงอนาคตทางการเมืองหลังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถึงวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า หากศาลชี้ว่าพ้นจากตำแหน่งจะเดินหน้าอย่างไรต่อไปว่า ขอไปถึงคำวินิจฉัยของศาลก่อน ในขณะนี้ยังไม่ได้มองไปไกลถึงขั้นการเลือกนายกฯในบัญชีของพรรคการเมืองไม่ได้และนำไปสู่การเลือกนายกฯคนนอก เพียงแต่ย้ำถึงการทำหน้าที่รัฐมนตรี และ ส.ส. ให้ดีที่สุด