"ชลน่าน" ชี้ ถ้า "ประยุทธ์" ไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ บ้านเมืองจะวุ่นวาย

การเมือง
21 ก.ย. 65
10:44
1,064
Logo Thai PBS
"ชลน่าน" ชี้ ถ้า "ประยุทธ์" ไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ บ้านเมืองจะวุ่นวาย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ชลน่าน” ประเมินการเมืองหลัง 30 ก.ย. ถ้า “ประยุทธ์” ไม่พ้นเก้าอี้ บ้านเมืองจะวุ่นวาย อาจมีชุมนุมขับไล่ หากพ้นนายกฯ ก็จะเข้าสู่โหมดการเลือกนายกฯ คนใหม่

วันนี้ (21 ก.ย.2565) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเมินสถานการณ์การเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชี้ขาดวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่า หากศาลชี้ว่าพ้นจากตำแหน่ง ก็จะต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น ก่อนที่จะมองว่าพรรคจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป

นพ.ชลน่านระบุว่า แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทย จะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นั่นคือ นายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งยังคงทำงานการเมืองอยู่ แม้ในตามบัญชีจะมีอยู่ 3 รายชื่อ แต่ได้แยกออกไปทำงานการเมืองนอกพรรคเพื่อไทยแล้ว และขณะนี้บัญชีนายกฯ ของพรรคฝ่ายค้านก็เหลืออยู่เพียงคนเดียว

ส่วนสถานะของรัฐบาลก็เป็น ครม.รักษาการณ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็จะอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี รักษาการ และพรรคเพื่อไทย ต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมืองด้วย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะยุบสภาได้ และพรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

ส่วนข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ขั้นตอนของสภาจะสามารถเลือกได้หรือไม่ เนื่องจากหากจะเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนนอก จะต้องใช้เสียงของรัฐสภาเห็นชอบ 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาหรือ 488 คน

ตนเห็นว่าจะมีปัญหาในการเลือกไม่ได้ เพราะจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีในบัญชีก่อนและพรรคภูมิใจไทย ก็ยังมีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกุล เชื่อหากพรรคร่วมรัฐบาลร่วมมือกัน นายอนุทินก็มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงที่ไม่น้อยกว่า 365 คน

แต่ทั้งนี้ก็คาดการณ์ว่า ชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีที่มีอยู่ จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และอาจจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีนอกบัญชี เพื่อแก้ปัญหาไม่เกิดเดตล็อกการเมืองในการบริหารประเทศ โดยพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีคนนอก

นพ.ชลน่านกล่าวว่า หากท้ายที่สุดไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร แม้นายกรัฐมนตรีจะเป็นพล.อ.ประวิตร ขั้วการเมืองจะไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ให้ไว้กับประชาชน และความรู้สึกกับประชาชน

อย่างไรก็ตาม หากผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่พ้นจากตำแหน่งและยังสามารถเป็นรัฐมนตรีได้อีก ไม่ว่าจะ 2 ปี หรือ 4 ปี นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านเป็นห่วงมาตลอด คือ สถานการณ์ทางการเมือง ที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การอยู่ยาวคือการผูกขาดอำนาจ

พฤติกรรม 8 ปีที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งมีอำนาจมากก็ยิ่งเกิดปัญหาคอร์รัปชันมาก ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ กังวลว่าจะเกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง

หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่ต่อ โดยที่ไม่มีคำอธิบายชัดเจน แล้วประกาศว่า จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต่ออีก 3 เดือน แล้วยุบสภา ก็จะลดแรงต้านหรือการเกิดวิกฤตทางการเมืองได้ แต่หากอยู่ต่ออีก 2 ปี หรืออีก 4 ปี กระแสต่อต้านจะลุกลามมาก ซึ่งกระแสต่อต้านมีการแสดงออกหลายรูปแบบไม่เพียงแค่การชุมนุมลงถนน

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง