ปรับมาตรการเข้าไทยไม่ต้องโชว์ผล ATK-ใบวัคซีน

สังคม
21 ก.ย. 65
18:33
1,239
Logo Thai PBS
ปรับมาตรการเข้าไทยไม่ต้องโชว์ผล ATK-ใบวัคซีน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติแผนควบคุมโควิด-19 ปลดจากโรคติดต่อร้ายแรงเป็นโรคเฝ้าระวังมีผล 1 ต.ค.นี้ พร้อมชงปรับมาตรการยกเลิกโชว์เอกสารวัคซีน-ATK ก่อนเข้าไทย ลดกักตัวเหลือ 5 วัน

วันนี้ (21 ก.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นทั่วโลก รวมทั้งไทย ผู้ติดเชื้อผู้ป่วยกำลังรักษา ผู้ป่วยหนัก และเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง ประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากการฉีดวัดซีนครอบคลุมมากกว่า 82% 

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด-19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (ต.ค.2565-ก.ย.2566) ซึ่งได้ลงนามยกเลิกโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย และปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ลำดับที่ 57 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผล 1 ต.ค.นี้ โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ ที่เตรียมเสนอครม.ให้ความเห็นชอบ

  • ด้านการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมโรค
  • ด้านการแพทย์และรักษาพยาบาล
  • ด้านการสื่อสารความเสี่ยง ประชาสัมพันธ์ และข้อมูลสารสนเทศ
  • ด้านบริหารจัดการ กฎหมาย สังคมและเศรษฐกิจ

อ่านข่าวเพิ่ม สธ.เผย "ญี่ปุ่น-สหภาพยุโรป" ขึ้นทะเบียน LAAB ใช้รักษาโควิด

 

ยกเลิกแสดงผล ATK-เอกสารวัคซีน

ส่วนเรื่องที่ 2 ได้เห็นชอบมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

  • ก่อนเข้าประเทศ ยกเลิกแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเอกสารวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK โรคโควิด-19 ยกเว้นโรคไข้เหลือง ที่ยังดำเนินการตามปกติที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
  • ยกเลิกการสุ่มตรวจสอบบันทึกการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยยังคงการเฝ้าระวังผู้เดินทางที่มีอาการป่วยของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคติดต่ออุบัติใหม่
  • ปรับมาตรการแยกกักสำหรับผู้ป่วยอาการน้อย/ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการให้ปฏิบัติตาม DMHT อย่างเคร่งครัด 5 วัน

อ่านข่าวเพิ่ม ยกเลิก 1 ต.ค. "โควิด-19" จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบอีก 4 เรื่อง 

  • แผนบริหารจัดการวัคซีนและการให้วัคซีนโควิด 19 (วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้ม) ในเด็กอายุ 6 เดือน-4 ปี คาดว่าเริ่มให้บริการได้ช่วงกลางเดือนต.ค.นี้ ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก โดยไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการไปโรงเรียน แต่แนะนำให้เด็กทุกคนเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต
  • แนวทางการใช้ Long Acting Antibody (LAAB) ของประเทศไทย ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติม ในประชาชนกว่า 3,500 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับวัคซีนแล้ว แต่ภูมิคุ้มกันไม่ขึ้น เพื่อให้มีภูมิต้านทานต่อเชื้อโควิด-19 

 

  • แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย การดูแลรักษา และการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคโควิด-19 หลังการระบาดใหญ่ ซึ่งสธ.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรองรับ เพื่อให้ประชาชนยังสามารถใช้สิทธิการรักษาเช่นเดียวกับโรคทั่วไป 
  • โครงการการใช้ยาคลอโรควินเพื่อป้องกันและลดการแพร่เชื้อมาลาเรียชนิดพลาสโมเดียม ไวแวกซ์ ในพื้นที่ที่มีการระบาดชายแดนไทย-เมียนมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐศาสตร์จุฬาฯ ร้องอาจารย์ถอดแมสก์สอน นิสิตติดโควิด 8 คน เสี่ยงอีก 10

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง