อุทยานฯ เปิด "4 เมนูเด็ด" ดัน Soft Power อาหาร

ไลฟ์สไตล์
28 ก.ย. 65
11:26
498
Logo Thai PBS
อุทยานฯ เปิด "4 เมนูเด็ด" ดัน Soft Power อาหาร
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทส.ผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ ด้านอาหาร ดึงนักท่องเที่ยวเดินทางมาชิมรสชาติ พร้อมโชว์ 4 เมนูเด็ดอุทยานแห่งชาติ แกงเผ็ดอะโวคาโด สเต็กเนื้อสันในซอสพริกไทยอ่อน แกงส้มปูทะเลหน่อไม้ดอง ใบโกงกางทอด-น้ำพริกกะปิเกาะเหลา

วันนี้ (28 ก.ย.2565) นายสมศักดิ์ สกุลวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า รัฐบาลและนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.มีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) หรือวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่การท่องเที่ยว

กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จึงคัดสรรสิ่งที่เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ และผลักดันผ่านทางวัฒนธรรม 5 F ดังนี้ 1.อาหาร (Food) 2.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3.การออกแบบแฟชั่น (Fashion) 4.ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ 5.เทศกาลประเพณี (Festival) โดยขณะนี้ได้เริ่มในส่วนของการสนับสนุนและส่งเสริมซอฟต์ พาวเวอร์ภายในหน่วยงาน เนื่องจากอุทยานแห่งชาติและวนอุทยาน มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีทักษะในหลายด้าน ทั้งในด้านการเล่นดนตรี โดยเฉพาะดนตรีประเภทโฟล์คซอง ซึ่งนิยมใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่เชื่อมโยงกับชุมชนได้ดี

ทั้งนี้ สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้จัดประกวดวงดนตรีโฟล์คซอง มี 14 วงจากอุทยานต่าง ๆ ส่งเข้าประกวด และผ่านการคัดเลือกเหลือ 5 วงที่จะมาแสดงในวันที่ 2 ต.ค.นี้ ในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมอุทยานฯ ครบรอบ 20 ปี ประกอบด้วย วงกัวลาบารา จากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา, วง Bigcat อุทยานฯ คลองลาน, วงใบตองกุง อุทยานฯ ภูพาน, วงจอมธาตุ อุทยานฯ ภูหินจอมธาตุ-ภูพระบาท และวงคณะละเมอว่า อุทยานฯ ภูเวียง

เปิด "เมนูเด็ด" อุทยานแห่งชาติ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำนักอุทยานฯ ยังได้คัดสรรสิ่งที่เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ด้านอาหาร หรือ “เมนูเด็ดอุทยานแห่งชาติ” ซึ่งอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานทั่วประเทศมีวิธีการและวัตถุดิบเฉพาะถิ่น นำมาสร้างรายการอาหารขึ้นชื่อเป็นเอกลักษณ์ของ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชิมและสัมผัสรสชาติอาหารที่แตกต่างไปจากเดิม รวมทั้งสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวแปลกใหม่แก่ตนเอง เบื้องต้นคัดเลือกมา 4 เมนูเด็ด

เมนูแรกจากอุทยานฯ ออบขาน จ.เชียงใหม่ ได้แก่ “แกงเผ็ดอะโวคาโด” ซึ่งอะโวคาโดเป็นพืชที่ชุมชนรอบพื้นที่ปลูกกันมาก เนื้อสัมผัสนุ่มหนืดกับรสชาติเฉพาะตัวของอะโวคาโด ทำให้แกงเผ็ดไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ หรือเนื้อ มีความเข้มข้นและนุ่มลิ้นขึ้น กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของโหระพาและใบมะกรูด คงเอกลักษณ์ความเป็นอาหารไทย จะกินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หรือขนมจีนก็อร่อยไม่แพ้กัน

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

 

เมนูที่สองจากอุทยานฯ เจ็ดสาวน้อย จ.สระบุรี ได้แก่ “สเต็กเนื้อสันใน ซอสพริกไทยอ่อน” เป็นเนื้อสันในวัวที่ได้จากชุมชนใน อ.มวกเหล็ก นำมาหมักกับเครื่องเทศ ทำให้เกิดความนุ่มไม่แพ้เนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย เคล้าซอสพริกไทยอ่อนที่มีส่วนผสมของนมวัว เพื่อให้ความหอมมันแทนการใช้วิปปิ้งครีม

เมนูที่สามจากอุทยานฯ หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ “แกงส้มปูทะเลหน่อไม้ดอง” ที่ได้จากวัตถุดิบล้ำค่าในท้องถิ่น ปูทะเลตัวโตเนื้อแน่นสด ๆ จากทะเลอ่าวไทย แกงคู่กับหน่อไม้ดอง ถึงรสถึงเครื่องตามต้นตำหรับแกงส้มปักษ์ใต้แท้ ๆ

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

 

เมนูที่สี่จากอุทยานฯ หมู่เกาะระนอง จ.ระนอง ได้แก่ “ใบโกงกางทอด น้ำพริกกะปิเกาะเหลา” วัตถุดิบจากป่าชายเลนแห่งเมืองระนอง โดยนำใบโกงกางอ่อนใบที่ 2 จากยอดอ่อน ซึ่งมีรสเค็มมันและยังมีสรรพคุณเรื่องช่วยรักษาแผลในกระเพาะ แก้วิงเวียน อาเจียน นำมาท็อปหน้าด้วยกุ้งสับหรือหมูสับชุบแป้งทอดกรอบ กินคู่กับน้ำพริกกะปิที่ใช้กุ้งเคยจากเกาะเหลา แหล่งผลิตกะปิขึ้นชื่อของระนอง

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ข่าวที่เกี่ยวข้อง