ค้านประกัน "ผู้ต้องหา" ลวงหญิงฆาตกรรม-กักขังผ่านแอปฯ หาคู่

อาชญากรรม
15 ต.ค. 65
18:43
403
Logo Thai PBS
ค้านประกัน "ผู้ต้องหา" ลวงหญิงฆาตกรรม-กักขังผ่านแอปฯ หาคู่
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ค้านประกันตัว ผู้ต้องหา ลวงหญิงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ก่อนจะฆาตกรรม และกักขังทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่ม 2 ข้อหา พบประวัติเคยต้องโทษคดียาเสพติดและฆ่าผู้อื่นมาก่อน

จากกรณีตำรวจกองปราม จับกุมชาย อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุฆาตกรรมหญิง อายุ 26 ปี ซึ่งคบหากันผ่านการติดต่อกันผ่านมาแชทหาคู่ ในบ้านเช่าเขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ สภาพศพ มีบาดแผลสาหัส จากการถูกทำร้าย กะโหลกศีรษะแตก กระดูกซี่โครงหัก ซึ่งตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุ คือ แฟนของผู้เสียชีวิต และเข้าจับกุมได้ที่ห้องพักใน จ.พัทลุง ก่อนจะพบหญิงอีกคน ถูกล่อลวงมาขังไว้ในห้อง สภาพถูกทำร้าย บาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำ ใบหน้าบวมช้ำจนผิดรูป ตำรวจช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล

ล่าสุด แม่ของผู้เสียหาย พร้อมนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เข้าเยี่ยมลูกสาวที่อยู่ระหว่างรักษาตัวในห้อง ICU โรงพยาบาลพัทลุง ซึ่งจากการตรวจร่างกาย พบว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายจนกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลังหักหลายจุด และยังพบม้ามบาดเจ็บ มีเลือดออกที่ช่องท้อง แม้ขณะนี้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด

ทันทีที่พบกัน แม่โอบกอดลูกสาวร่ำไห้ จากนั้นทำพิธีผูกข้อมือเพื่อเป็นการเรียกขวัญ ซึ่งแม่ผู้เสียหาย ขอบคุณมูลนิธิปวีณาฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าจับกุมผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือลูกสาวไว้ได้ พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เช่นเดียวกับนางปวีณา ที่ระบุว่า ผู้ก่อเหตุควรได้รับโทษสูงสุด เพราะมีข้อมูล มีหญิงที่เคยตกเป็นเหยื่อถูกทารุณกรรม บางส่วนสามารถหลบหนีออกมาได้อีกหลายราย ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

ขณะที่ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผู้บังคับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ และเปิดเผยความคืบหน้าด้านคดีความว่า กำลังประสานตำรวจบางขี่ยัน ขออายัดตัวกลับมาสอบสวนเพิ่ม และแจ้งเพิ่ม 2 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส และหน่วงเหนี่ยวกักขัง

ก่อนที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จะควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลตลิ่งชัน โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงเป็นภัยสังคม และอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดียาเสพติดเมื่อปี 2557 และฆ่าผู้อื่น เมื่อปี 2559 และจากการตรวจปัสสาวะ พบสารเสพติดในร่างกาย โดยผู้ต้องหาก็รับว่าเสพมานานแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง