เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าหารือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ เพื่อสรุปแนวทางการบังคับใช้บัตรเดบิต และบัตรเครดิตยืนยันตัวตนที่ตู้ฝากเงินอัตโนมัติ (ซีดีเอ็ม) ก่อนการฝากเงินที่ตู้ทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นไปตามที่ ปปง. ได้กำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 65 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการฝากเงินที่ตู้ซีดีเอ็ม แต่ไม่มีบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต ต่างได้รับความเดือดร้อน และได้ส่งผลกระทบจำนวนมาก เพราะไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งธนาคารพาณิชย์ต้องกลับมาหาแนวทางช่วยเหลือหรือรองรับลูกค้ากลุ่มนี้
สำหรับวิธีใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนที่เครื่องซีดีเอ็มแทนบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตนั้น ในแต่ละธนาคารมีความพร้อมไม่เหมือนกัน เพราะมีเรื่องต้นทุน และระยะเวลาในการติดตั้ง หรืออาจใช้แบบไร้บัตร คือ อาจจะทำผ่านแอปพลิเคชันในการยืนยันตัวตน ซึ่งต้องใช้เวลาพัฒนาเช่นกัน
ผู้บริหารธนาคาร ระบุว่า มาตรการยืนยันตัวตนผ่านเครื่องซีดีเอ็ม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ปปง. ซึ่งธนาคารได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต แต่อาจจะต้องพิจารณาการรองรับการยืนยันตัวตนด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ผ่านวิธีอื่น เช่น บัตรประจำตัวประชาชน
โดยในขั้นตอนนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละธนาคาร ที่จะต้องมีการพัฒนาโปรแกรม เพื่อให้รองรับการอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม ซึ่งใช้เวลาพอสมควร บางธนาคารบอก 3-4 เดือน เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ นางบุษกร ธีระปัญญาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้สั่งการและเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ ปรับเปลี่ยนระบบให้สามารถรองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่น ๆ เช่น การใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะไร้บัตร เพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ
การใช้บัตรยืนยันตัวตนนี้เป็นไปตามกฎหมาย ปปง. ซึ่งหากมีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.นี้ ลูกค้าที่ไม่มีบัตรสามารถฝากเงินที่สาขาธนาคาร ตู้เติมเงิน เคาน์เตอร์ของร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น บิ๊กซี โลตัส ไปรษณีย์ และตัวแทนรับฝากเงินอื่นของธนาคารไปก่อนได้