ฝังไมโครชิพ "ปลาบึก" ถอดรหัส DNA เร่งเพาะก่อนสูญพันธุ์

สิ่งแวดล้อม
29 ต.ค. 65
12:53
853
Logo Thai PBS
ฝังไมโครชิพ "ปลาบึก" ถอดรหัส DNA เร่งเพาะก่อนสูญพันธุ์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมประมง เดินหน้าฝังไมโครชิพ "ปลาบึก" ถอดรหัส DNA เล็งปั้นสายพันธุ์คุณภาพ พร้อมวางแนวทางศึกษาวิจัยเพาะขยายพันธุ์คงความหลากหลายก่อนสูญพันธุ์

วันนี้ (29 ต.ค.2565) นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “ปลาบึก” ถือเป็นปลาน้ำจืดไม่มีเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจัดเป็นปลาที่อยู่กลุ่มสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์” (CITES) ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I)

 

สำหรับในประเทศไทยพบการกระจายตัวอยู่ในแม่น้ำโขง ตั้งแต่ จ.เชียงราย จนถึง จ.อุบลราชธานี กรมประมงได้ศึกษาการเพาะพันธุ์ปลาบึกจนประสบความสำเร็จด้วยวิธีผสมเทียมครั้งแรกของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2526

ปัจจุบันกรมประมงสามารถเพาะขยายพันธ์ปลาบึกและได้นำลูกพันธุ์ปลาที่ได้กระจายให้กับหน่วยงานกรมประมงทั่วประเทศเพื่อพัฒนาต่อยอดการขยายพันธุ์ทั้งในบ่อดินและบ่อซีเมนต์เพื่อไม่ให้ปลาบึกสูญพันธุ์ไป

 

รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้ให้ความสำคัญกับการนำหลักพันธุศาสตร์มาวางแผนการผสมพันธุ์ทั้งในด้านจำนวนพ่อแม่พันธุ์ วิธีการผสม การนำปลารุ่นใหม่มาทดแทนพ่อแม่พันธุ์ปลาชุดเก่า ตลอดจนควบคุมกิจกรรมในโรงเพาะฟัก และควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมให้เป็นไปในทิศทางที่ดี หลีกเลี่ยงการผสมเลือดชิด เพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมที่มีอยู่ไว้ให้มากที่สุด

 

ในปี 2565 ได้วางแนวทางเบื้องต้นในการบริหารจัดการปลาบึกเพื่อการอนุรักษ์ในแม่น้ำโขงและการเพาะขยายพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ ดังนี้

  • วางแผนบริหารจัดการพันธุ์ปลาบึกให้เหมาะสมต่อการเพาะพันธุ์เพื่อการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์และปลาบึกที่เหมาะสมต่อการปล่อยในถิ่นกำเนิดแม่น้ำโขง
  • ให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกจังหวัดรวบรวมข้อมูลความหลากหลายของปลาบึกที่อยู่ในจังหวัดและรายงานให้ทราบถึงแหล่งที่มาทางพันธุกรรมของพ่อแม่พันธุ์ปลาบึก
  • ให้กองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด บูรณาการร่วมกันจัดทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับปลาบึกเพื่อเสนอขอทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.)

ขณะที่ล่าสุดเพื่อคงความหลากหลายทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ ตลอดจนควบคุมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมปลาบึกกรมประมงได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลรหัสประจำตัวปลาพร้อมฝังไมโครชิพ เพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับตัวปลา อาทิ แหล่งที่มา เพศปลา รวมถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกับข้อมูลเครื่องหมายพันธุกรรมเพื่อระบุคู่ผสมที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำแผนการเพาะพันธุ์ปลาบึกให้คงความหลากหลายทางพันธุกรรมอย่างยั่งยืน

 

รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การเพาะขยายพันธุ์ปลาบึก ความยากอยู่ที่การลำเลียงพ่อแม่พันธุ์ขึ้นมาศึกษาวิจัย โดยไม่ให้ได้รับความบอบช้ำ เนื่องจากเป็นปลาที่ตายง่ายมาก

แหล่งที่อยู่อาศัยในธรรมชาติเสื่อมโทรมลงทำให้ประชากรปลาบึกไม่สามารถสืบพันธุ์และเจริญเติบโตได้ทันต่อความต้องการ ส่งผลให้จำนวนประชากรปลาบึกตามธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกรมประมงที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในอนุรักษ์ปลาบึกเพื่อคงไว้ในแม่น้ำโขงสืบไป

 

นายสง่า ลีสง่า ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กล่าวว่า การฝังไมโครชิพในครั้งนี้ กรมประมงได้ทำการฝังไมโครชิพในปลาบึกน้ำหนัก 10 - 60 กิโลกรัม จำนวน 100 ตัว ที่นายเสน่ห์ ผลประสิทธิ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการทรัพยากรประมง ได้มอบให้กรมประมงไว้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเชียงราย ด้วยกระบอกฉีดพิเศษที่ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับร่างกายสัตว์น้ำเมื่อฝังไมโครชิพเข้าไปชั้นใต้ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ

พร้อมเก็บข้อมูลการเจริญเติบโต อาทิ น้ำหนัก ความยาวลำตัวและรอบอก ตลอดจนเก็บตัวอย่างครีบปลาบึกเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลด้านดีเอ็นเอในอนาคต เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลทางพันธุกรรมก่อนกระจายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง