"ก้าวไกล"ยื่น "อสส." ตรวจสอบร่างสัญญา "รถไฟฟ้าสีส้ม" ก่อน รฟม.เสนอ ครม.

การเมือง
4 พ.ย. 65
12:18
273
Logo Thai PBS
"ก้าวไกล"ยื่น "อสส." ตรวจสอบร่างสัญญา "รถไฟฟ้าสีส้ม" ก่อน รฟม.เสนอ ครม.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดให้ตรวจสอบสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐ-เอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชี้รัฐอาจต้องใช้งบอุดหนุนกว่า 68,000 ล้านบาท ก่อนที่ รฟม. จะเสนอเข้า ครม.

วันนี้ (4 พ.ย.2565) พรรคก้าวไกล ได้ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดให้ตรวจสอบเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการประมูลโครงการและการเจรจาร่างสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ก่อนอนุมัติร่างสัญญาจาก รฟม.เพราะหากสำนักงานอัยการสูงสุดปล่อยผ่านร่างสัญญาฉบับนี้ไป รฟม.อาจจะรีบเสนอเรื่องเข้า ครม.ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะทำให้รัฐต้องเข้าไปอุดหนุนโครงการแบบมากเกินจำเป็นถึง 68,613 ล้านบาท
 
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เคยเรียก รฟม.มาชี้แจงเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ รฟม.ไม่มาชี้แจง

อย่างไรก็ตาม การประชุมแบบ Live สด ก็ยังคงดำเนินการต่อไปโดยมี BTS ในฐานะผู้ได้รับความเสียหายและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ยกเว้น รฟม.เข้าร่วมชี้แจง

จากผลการประชุม มีหลายประเด็นน่าเคลือบแคลง ในส่วนของความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการประมูลโครงการ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนเกณฑ์การประมูลกลางอากาศแบบไม่เคยมีมาก่อน และ (2) การยกเลิกการประมูลครั้งก่อนโดยที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า การยกเลิกการประมูลดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนั้น ในส่วนของการเจรจากับผู้ชนะการประมูลรอบใหม่ ยังมีประเด็นน่าสงสัยอยู่หลายประเด็น ได้แก่ (1) การกีดกัน BTS ไม่ให้มีสิทธิ์เข้าประมูลรอบใหม่ (2) คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และ (3) ความพยายามของคณะกรรมการคัดเลือกในการรักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐ

ดังนั้น ตนจึงได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อส่งบันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการและสรุปสาระสำคัญเพื่อให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบก่อนอนุมัติร่างสัญญาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนผ่านเรื่องไปยัง ครม.

 

นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วอยากให้อัยการสูงสุดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญมากกว่าการตรวจสอบแล้วบอกว่า ถูกต้องตามกระบวนการ

แต่ข้อเท็จจริงคือ รัฐเสียหายมากเกินจำเป็นถึง 68,613 ล้านบาท จึงอยากให้หยุดกระบวนการเพื่อตรวจสอบกันตั้งแต่ในชั้นสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะหากผ่านไปเข้าถึง ครม.ก็คงยากที่จะหยุด

นอกจากนี้ ตนและพรรคก้าวไกลกำลังเตรียมคำร้องเพื่อยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง โดยพยายามเบรกทั้งจากฝั่งอำนาจตุลาการและอำนาจบริหาร เพราะอำนาจนิติบัญญัติเราอยู่ฝั่งเสียงข้างน้อย  

เราเพียงต้องการเห็นการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม แต่เรื่องสายสีส้มนี่ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ ข้อเท็จจริงก็คือในประเทศเรามีผู้ประกอบการเดินรถรายใหญ่เพียง 2 เจ้า หากเจ้าหนึ่งโดนกีดกัน ภาษีของประชาชนก็จะถูกผลาญแบบเกินจำเป็น และในกรณีนี้มากถึง 68,613 ล้านบาท เสียดายเงินภาษี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง