รวบนายทุนจีนสวมบัตรปชช.ไทย-ตบตาติดธงคล้ายรถสถานทูต

อาชญากรรม
9 พ.ย. 65
17:11
696
Logo Thai PBS
รวบนายทุนจีนสวมบัตรปชช.ไทย-ตบตาติดธงคล้ายรถสถานทูต
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รองผบ.ตร. พร้อมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บุกรวบนายทุนจีน พบสวมบัตรประชาชนไทย ตรวจค้นพบชุดลักษณะเครื่องแบบทหาร ส่วนรถติดธง 2 ประเทศคล้ายรถสถานทูต คาดใช้ตบตา

วันนี้ (9 พ.ย.2565) พล.ต.อ.รอย อิงค์ไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกเข้าจับกุมนายเส้า เสี่ยวปอ สัญชาติจีน ที่อาคารให้เช่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคมเกี่ยวกับการค้าแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับสวมบัตรประชาชนปลอม

คดีนี้ตำรวจได้ระดมกวาดล้าง และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และบุคคลเฝ้าระวัง ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 จนพบข้อมูลบัตรประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีหน้าตาตรงกับชาวต่างชาติ ที่ใช้พาสปอร์ต 2 เล่ม จึงเชื่อว่าเป็นการสวมบัตรประชาชน และได้นำกำลังเข้าจับกุม

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีบัตรประชาชนที่เป็นการสวมรอยชื่อคนไทย ซึ่งเคยมีคนมาแนะนำให้ทำ แต่ว่าตนเองไม่ได้ทำ ส่วนที่อาคารนี้ก็ไม่ได้เดินทางมานานแล้ว เมื่อตำรวจซักถามว่า การเดินทางมาที่มีรถตำรวจเป็นรถนำ จัดหามาจากไหน ผู้ต้องหาตอบแค่ว่า เพื่อนแนะนำให้

 

พบชุดลักษณะเครื่องแบบทหาร-ติดธงคล้ายรถสถานทูต

ด้านพล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย จึงเข้าร่วมสมาคมดังกล่าว 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มธุรกิจ ยังไม่แน่ชัดว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องหรือดำรงตำแหน่งใดในสมาคม จะต้องมีการตรวจสอบรายชื่อกับทางสมาคมอีกครั้ง

นอกจากนี้ในการตรวจค้น ยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหาร ที่มีเข็มกลัดชื่อของผู้ต้องหา รวมถึงรถของผู้ต้องหาก็เป็นรถติดธงประจำประเทศทั้ง 2 ฝั่ง คล้ายกับรถของสถานทูต และยังมีรถตำรวจนำขบวนอีก 1 คัน

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบทะเบียนด้วยสายตาแล้ว คาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น

 

ส่วนรถตำรวจก็น่าจะเป็นรถปลอม นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืน ตั้งโชว์ตามโถงทางเดินอีก 6 กระบอก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปืนบีบีกัน เบื้องต้นตำรวจ จะดำเนินคดีตามหมายจับ ข้อหาแจ้งความเท็จฯ และปลอมบัตรประชาชน หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบของทั้งหมด หากพบว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาภายหลัง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง