เสนอพรรคการเมือง ผลักดันนโยบายเด็กเล็กถ้วนหน้า

สังคม
21 พ.ย. 65
20:24
612
Logo Thai PBS
เสนอพรรคการเมือง ผลักดันนโยบายเด็กเล็กถ้วนหน้า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า จัดเวที (21 พ.ย.) เสนอพรรคการเมือง ทบทวนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า โดยมีตัวแทนจาก 10 พรรคการเมืองร่วมนำเสนอนโยบาย

จากผลการศึกษาของ TDRI เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการเลี้ยงดูเด็กเล็กตามแนวทาง Minimum Income Standard หรือ MIS เช่น ค่านม ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง และค่าของเล่นเพื่อพัฒนาการการเรียนรู้ ของแต่ละครอบครัว พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,373 บาทต่อเดือน

แต่เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่รัฐบาลสนับสนุนให้เด็กคนละ 600 บาทต่อเดือน ตอบโจทย์รายจ่ายส่วนนี้เพียงแค่ร้อยละ 22 ทำให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระนี้ โดยเฉพาะครอบครัวยากจน ที่ขาดกำลังในงบประมาณส่วนนี้ ส่งผลให้เด็กขาดโภชนาการและพัฒนาการที่เหมาะสม

นางสุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานฯ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องมองข้ามไปถึงการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่ไม่ว่าหน้าตาจะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนแปลง ต้องมาสู้กันที่นโยบาย เพราะเรื่องสวัสดิการเด็กเล็กเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ตอนเลือกตั้งก่อนหน้านี้ก็หาเสียงเรื่องนี้ไว้ด้วย ครั้งนี้จึงเสนอต่อพรรคการเมืองว่า ขอให้มาทบทวนอีกครั้ง

อยากให้สังคมอย่าไปกังวลแต่เรื่องการย้ายพรรค แต่ไม่มีใครพูดเรื่องสวัสดิการสังคมที่ต้องให้พรรคการเมืองลุกขึ้นมาตอบ ก็เลยหวังเป็นการสร้างกระแส อยากให้สังคมเห็นว่า การสู้กันทางนโยบายเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้ก็จะตามกันต่อ

โดยข้อเสนอสำคัญของคณะทำงานฯ คือ นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ที่ปรับเพิ่มเงินอยู่ที่คนละ 3,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ตอบโจทย์ค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวต้องแบกรับทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอประเด็นเกี่ยวกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่ตอบโจทย์กลุ่มแรงงานและผู้มีรายได้น้อย เช่น การขยายอายุการรับเด็กเล็ก ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปี พร้อมยืดหยุ่นเวลาเปิด - ปิด ให้สอดคล้องกับคนทำงาน เพื่อให้เด็กเข้าถึงการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามช่วงวัย

ด้านตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง 10 พรรคที่เข้าร่วมเวที ตอบรับข้อเสนอนโยบายนี้ โดย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุว่า พรรคมีนโยบายสร้างคนเพื่อให้คนสร้างเมือง และนโยบายนี้จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ

การแก้ปัญหาหนีไม่พ้นที่ต้องทำให้ประเทศเป็นรัฐสวัสดิการ ซึ่งช่วงอายุที่มีความสำคัญคือการเป็นเด็ก จึงจำเป็นต้องมีสวัสดิการถ้วนหน้าของเด็ก

ขณะที่ ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก โดยพรรคได้รวบรวมข้อมูลและลงพื้นที่ดูปัญหาจริงด้วย พบว่า เงินอุดหนุนที่ได้ในปัจจุบันจำนวน 600 บาทต่อเดือนตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ยังไม่ตอบโจทย์

ยังไม่เพียงพอ ไม่ตอบโจทย์ในสภาพเศรษฐกิจที่ตอนนี้กำลังมีความย่ำแย่อยู่ พรรคจึงเห็นว่าการเพิ่มเงินอุดหนุนที่ 1,000 - 1,200 บาท จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กมากกว่า

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า หากเพิ่มเงินอุดหนุนไปที่ 1,200 บาทต่อเดือน ก็จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี จึงจำเป็นที่รัฐบาลใหม่จะต้องปรับปรุงระบบงบประมาณและการเก็บภาษี เพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอมาใช้ในส่วนนี้

เราสามารถปรับปรุงงบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนของภาษีในระบบเศรษฐกิจ เพื่อใหัมีงบประมาณเพียงพอสำหรับการทำสวัสดิการ และยังเป็นเรื่องที่สามารถทำไดัทันที โดยไม่ต้องรอให้มีกฎหมายมารองรับก่อน

ตัวแทนพรรคการเมืองที่เข้าร่วมในเวทีส่วนใหญ่เป็นพรรคฝ่ายค้านและพรรคที่ก่อตั้งใหม่ แต่ไม่ปรากฎตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ซึ่งผู้จัดงานยืนยันว่าได้ส่งจดหมายเชิญทุกพรรคเข้าร่วมด้วยแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง