วันนี้ (8 ธ.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการส่วนใหญ่ที่ใช้ควบคุมโควิด-19 หลังจากเกิดการประท้วงในหลายพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากไม่พอใจการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวที่เข้มงวดเกินไปของทางการ
การผ่อนคลายครั้งนี้มีตั้งแต่ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการสามารถแยกตัวที่บ้านได้ แทนการแยกกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และประชาชนสามารถหาซื้อยาแก้ไข้แก้หวัดได้โดยไม่มีข้อจำกัด ต่างจากก่อนหน้านี้ที่จะถูกบังคับให้ไปที่คลินิกเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ ระยะเวลาการล็อกดาวน์จะสั้นลง โดยจะปิดแค่พื้นที่ที่เฉพาะเจาะจง แทนการปิดพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดหรือบังคับล็อกดาวน์ทั่วเมือง และจะต้องยกเลิกการล็อกดาวน์หากไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน
อีกข้อคือ ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ และขนส่งสาธารณะอีกต่อไป และสามารถท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้โดยไม่ต้องแจ้งผลตรวจหาเชื้อภายใน 48 ชั่วโมงและจะไม่ถูกขอตรวจซ้ำที่ปลายทาง
รวมทั้งยกเลิกการบังคับการตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้าง ยกเว้นบุคลากรด่านหน้าหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้นที่จะต้องทำการตรวจหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน ยังยกเลิกการแสดงรหัสสุขภาพสีเขียวบนโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าไปในอาคารและพื้นที่สาธารณะ ยกเว้นสถานพยาบาล สถาบันการแพทย์ โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนมัธยมต้นและปลาย เนื่องจากการใช้รหัสสุขภาพในการติดตามข้อมูลของประชาชนทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว การละเมิดและการโจรกรรมข้อมูล
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่พรมแดนของจีนส่วนใหญ่ยังคงปิดอยู่และผู้ที่เดินทางเข้าประเทศยังคงต้องกักตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ด้านหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญรับมือโควิด-19 ของจีน ระบุว่า มาตรการที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไม่ได้หมายความว่าจีนจะผ่อนปรนหรือแม้แต่ยุติข้อจำกัดของโควิด-19 โดยสิ้นเชิง แต่หมายถึงการใช้หลักการวิทยาศาสตร์มากขึ้น การกระตือรือร้นและมีเป้าหมายในการควบคุมการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมาตรการใหม่จะสะท้อนถึงหลักการของเราต่อผู้คนได้ดียิ่งขึ้น และทำให้การควบคุมการแพร่ระบาด การพัฒนาทางสังคม และเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งเป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคใหม่และภารกิจใหม่
ขณะที่ประชาชนบางส่วน ระบุว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่กังวลต่อการผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้ และคิดว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลแล้ว ซึ่งหากยังใช้มาตรการการจำกัดต่อไปจะเกิดแรงกดดันมากมาย ทั้งกับประชาชนและรัฐบาล รวมไปถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แรงกดดันจากการทำงาน และแรงกดดันต่อมาตรการป้องกันที่เข้มงวด
อีกทั้งคนที่เขารู้จักซึ่งติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ก็ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงใด ๆ ดังนั้นจึงไม่กังวลและยิ่งคิดว่านโยบายใหม่เหล่านี้สมเหตุสมผลแล้ว
สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันโรคติดเชื้อกว่างโจวที่ระบุว่า ถ้าเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่น โอมิครอนมีอัตราการแพร่ระบาดที่สูงกว่า แต่ความรุนแรงของโรคอ่อนลงอย่างชัดเจน อย่างเมื่อปีที่แล้วที่พบการระบาดของสายพันธุ์เดลตาโอกาสในการเกิดปอดอักเสบของผู้ป่วยสูงกว่า 50-60% ขณะที่ในปัจจุบันผู้ติดเชื้อมากกว่า 90% ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยมาก และน้อยคนนักที่จะป่วยหนักถึงขั้นปอดอักเสบหรือปอดอักเสบรุนแรง
หลังจากมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการประชาชนส่วนใหญ่ต่างแสดงความยินดี แต่บางส่วนยังคงกังวลว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันได้อีก และบางส่วนกังวลว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดอีกระลอกซึ่งอาจกระทบกับชีวิตมากยิ่งขึ้น