กสม.ชงยกเลิกเก็บ DNA กลุ่มเสี่ยงยาเสพติด-ละเมิดสิทธิ

สังคม
8 ธ.ค. 65
16:06
1,398
Logo Thai PBS
กสม.ชงยกเลิกเก็บ DNA กลุ่มเสี่ยงยาเสพติด-ละเมิดสิทธิ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กสม.ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และครม. ขอให้สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และป.ป.ส. ยกเลิกตรวจ DNA คนกลุ่มเสี่ยงยาเสพติดแบบเหมารวม ชี้เป็นการการละเมิดสิทธิมนุษยชน ต้องเร่งเยียวยา

วันนี้ (8 ธ.ค.2565) นายบุญเกื้อ สมนึก ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า  ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของชาวบ้านกว่า 50 คนในหมู่บ้านแกน้อย หย่อมบ้านถ้ำ และบ้านหนองเขียว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่อาศัยอยู่

โดยในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุยังไม่ครบ 18 ปี บริบูรณ์ 3 คน ถูกตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปด้วย โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่แจ้งข้อมูลที่จำเป็นให้แก่บุคคลที่จะต้องถูกเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอทราบ และไม่ได้รับความยินยอมโดยสมัครใจอย่างแท้จริง อีกทั้งยังไม่มีการดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่ง กสม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มี.ค.65 ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยเสนอให้มีนักสังคมสงเคราะห์หรือสหวิชาชีพเข้าร่วมในกระบวนการจัดเก็บดีเอ็นเอของเด็ก ให้แจ้งผลการตรวจดีเอ็นเอให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดยาเสพติดทราบ และให้ลบข้อมูลดีเอ็นเอของชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านที่ถูกจัดเก็บโดยไม่ได้รับความยินยอมออกจากฐานข้อมูล 

อ่านข่าวเพิ่ม กสม.ชี้เก็บ DNA ชาติพันธุ์ลาหู่ เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน

กสม.ชงยกเลิกเก็บดีเอ็นเอบุคคล-ละเมิดสิทธิ

ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า สตช.ไม่ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. โดยไม่มีเหตุอันสมควร ประกอบกับ กสม.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการดำเนินโครงการเก็บและตรวจดีเอ็นเอของบุคคลกลุ่มเสี่ยงและวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีอาญาอื่นๆ ซึ่งเป็นโครงการที่บูรณาการร่วมกันระหว่าง สตช. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 และมาตรา 131/1 ที่กำหนดให้เป็นอำนาจของพนัก งานสอบสวน โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่ต้องปฏิบัติโดยเคร่งครัด กระทำเท่าที่จำเป็น และจะต้องได้รับความยินยอมโดยสมัครใจและอิสระจากบุคคลที่ถูกเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ

เนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล ประกอบกับโครงการฯ ได้กำหนดเป้าหมายของบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่จะเก็บและตรวจดีเอ็นเอไว้อย่างกว้าง ครอบคลุมบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย อันถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลโดยไม่เป็นธรรม

ที่ประชุมกสม.พิจารณาผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ และองค์กรภาคประชาสังคมแล้ว เห็นว่า สตช. ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีการเก็บ และตรวจดีเอ็นเอของชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ กรณีดังกล่าวตามข้อเสนอแนะของ กสม. อย่างเป็นรูปธรรม

ประกอบกับการดำเนินโครงการเก็บและตรวจสารพันธุกรรมของบุคคลกลุ่มเสี่ยงโดยความร่วมมือของ สตช. และสำนักงาน ป.ป.ส. ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเชิงระบบ

จึงเห็นควรมีหนังสือแจ้งข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาสั่งการให้ สตช.และสำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม. และให้ยกเลิกการดำเนินโครงการเก็บและตรวจสารพันธุกรรมของบุคคลกลุ่มเสี่ยงและวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีอาญาอื่น ๆ หากมีความจำเป็นต้องเก็บและตรวจสารพันธุกรรมก็ให้ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง