จากกรณีราคาข้าวเปลือกเจ้า ความชื้นร้อยละ 15 รับซื้อตันละ 9,500-9,700 บาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่ตันละ 9,000-9,200 บาท ซึ่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เป็นผลจากการส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้น
โดยข้อมูลวันที่ 14 ธ.ค.2565 พบว่า ผู้ส่งออกข้าวที่ยื่นขอใบอนุญาตส่งออกข้าว มีปริมาณถึง 8.58 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายราว 1ล้านตัน
การส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นผลจากเงินบาทที่อ่อนค่า รวมทั้ง "อิรัก" ที่เริ่มกลับมาซื้อข้าวไทยเพิ่มมากถึง 5 เท่า จากในปี 2564 ที่นำเข้าเพียง 2 แสนตัน
โดย 10 เดือนแรกของปีนี้ (2565) อิรักนำเข้าข้าวจากไทยรวม 1.3 ล้านตัน ขณะที่ตลาดหลัก อย่างสหรัฐอเมริกา และ ฟิลิปปินส์ นำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 44 ตามลำดับ
การส่งออกข้าวที่ได้เกินเป้า ยังมาจากการปลดล็อก โควิด-19 ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้มีการซื้อข้าวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่ซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอีก เช่น อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ ที่ยังสนใจที่จะนำเข้าข้าวจากไทย เนื่องจากสต๊อกข้าวในประเทศไม่เพียงพอ
สำหรับราคาข้าวเพื่อการส่งออก ข้าวขาวร้อยละ 5 อยู่ที่ราคา 465 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
ส่วนข้าวหอมมะลิอยู่ที่ราคา 978 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
สอดคล้องกับ นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่ประเมินว่า การส่งออกข้าวไทยมีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการข้าวที่เพิ่มขึ้น ราคาที่แข่งขันได้ ผลผลิตข้าวนาปรังที่มีเพิ่มขึ้น และปีหน้า (2566) คาดว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตัน
สำหรับการส่งออกข้าวในเดือนสุดท้ายปีนี้ (ธ.ค.2565) เชื่อว่าจะส่งออกได้ราว 8.5 แสนตัน หากเงินบาทอ่อนค่ายังอยู่ที่ระดับ 35 บาท จะส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งการส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยดึงราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้นด้วย