วันนี้ (26 ธ.ค.2565) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ พร้อมเปิดประตูจับมือทางการเมืองจะต้องรัฐบาลกับทุกพรรคการเมืองรวมถึงพรรคเพื่อไทยว่า ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดถึงการจับมือทางการเมือง และการพูดอะไรก่อนการเลือกตั้งจะต้องคำนึงถึงประชาชน
โดยเฉพาะเป้าหมายพรรคเพื่อไทย ต้องการขออำนาจจากประชาชนให้ได้เกิน 250 เสียง เมื่อได้ตามเป้าหมาย ก็จะสามารถพูดเรื่องการเลือกพรรคที่ประชาชนไว้วางใจมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่ต้องการที่จะประกาศจับมือ จัดตั้งรัฐบาลกับใคร ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งผลต่อกระแสความนิยมเพิ่มขึ้น จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า ไม่แน่ใจในข้อเท็จจริงของผลสำรวจเนื่องจาก อาจจะเป็นการสำรวจก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของในวันที่ 23 ธ.ค.
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยมีความนิยมที่ร้อยละ 20 แต่ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 14 จะเรียกว่า ความนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ถือว่าเป็นอันดับที่ 2 ในขณะที่ น.ส.แพทองธาร มีคะแนนความนิยมที่อยู่ร้อยละ 34 ซึ่งมากกว่า 2 เท่าตัว จึงไม่เชื่อว่าโพสต์ครั้งนี้จะสะท้อนความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้น อาจต้องรอให้มีการสำรวจมากกว่านี้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายิ่งสำรวจคะแนนนิยมก็จะไม่เพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องขอบคุณในความชัดเจนของท่าน ที่เห็นแก่ระบบการเมืองของประเทศ มีการขออำนาจประชาชนชัดเจนประชาชนจะได้ตัดสินใจได้ถูกต้องว่าจะมอบอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่ ถ้าประชาชนยังเลือกก็เป็นความชอบธรรม
ตามวิถีประชาธิปไตย หากการมอบอำนาจสุจริตไม่มีกระบวนการวิธีอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่ชัดเจนคือแบ่งข้างชัด ถ้าต้องการให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นตัวแทนประชาชน ในการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนก็ต้องเลือกให้เพื่อไทยชนะขาด ถ้าไม่ชนะขาดก็ไม่สามารถที่จะออกจากอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะสืบทอดอำนาจได้
นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ในช่วงที่มีการคัดเลือกผู้สมัครและเกิดความไม่ลงตัวนั้น จนมีข้อสังเกตอาจเป็นปฏิญญาฮ่องกงว่า การเดินทางของ น.ส.แพรทองธารไปพบนายทักษิณซึ่งเป็นคนในครอบครัวเป็นปกติวิสัย ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกันแม้ชั่วครู่ช่วยยาม
ส่วนจะเป็นปฏิญญาฮ่องกงหรือไม่ ก็แล้วแต่การวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในฐานะพรรคเพื่อไทยกล่าวย้ำที่จะปกป้องสิทธิ์ว่า การสื่อสารการเมืองยุคนี้ไม่จำเป็นต้องมีปฏิญญาฮ่องกง
พรรคเพื่อไทยคำนึงข้อกฏหมายและจุดมุ่งหมายของฝ่ายตรงข้ามที่จะทำลายพรรคเพื่อไทย จึงมั่นใจว่าไม่มีปฏิญญาฮ่องกง และไม่เกี่ยวข้องตามที่เป็นกระแสข่าว
ขณะที่เรื่องของการวางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ยืนยัน น.ส.แพทองธารเคารพหน้าที่ และอำนาจตามที่รับมอบหมาย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซง ซึ่งสิ่งที่ปรากฏออกมานั้น เป็นสิ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไป และเน้นย้ำว่าอย่านำ มาเป็นประเด็นมาให้ร้ายพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคพร้อมที่จะใช้สิทธิในการตอบโต้