นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. กกพ.ได้พิจารณาและมีมติทบทวนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2566 ในกลุ่มที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย เช่น อุตสาหกรรม ธุรกิจ 154.92 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมต้องจัดเก็บ 190.44 สตางค์ต่อหน่วย หรือจ่ายค่าไฟเฉลี่ยที่ 5 บาท 69 สตางค์ ค่าเอฟทีอาจลดลงได้ 35.52 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้เมื่อรวมกับค่าไฟฐานแล้ว ค่าไฟเฉลี่ยกลุ่มนี้ลดลงเหลือ 5 บาท 33 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนค่าไฟฟ้ากลุ่มบ้านที่อยู่อาศัย 4 บาท 72 สตางค์ต่อหน่วย ตามเดิม
ซึ่งเดิมจะนำเงินชำระหนี้ค่าเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใน 2 ปี ได้เลื่อนเป็น 3 ปี และปรับสูตรคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ อีกส่วนมาจากการนำก๊าซในอ่าวไทยแบ่งมาใช้คำนวณในระบบแก่กลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่นำก๊าซฯ อ่าวไทยไปคำนวณเฉพาะผลิตไฟฟ้าให้กับกลุ่มที่อยู่อาศัยเท่านั้น
ส่วนการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง หรือครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 500 หน่วยต่อเดือนแบบขั้นบันได เพื่อให้ใช้อัตราค่าไฟที่ต่ำกว่าปกติ จะต้องใช้วงเงินมาดูแลรวม 9,000 ล้านบาท ประมาณ 6,000 ล้านบาทจะเป็นเงินจากการบริหารจัดการของ ปตท. ส่วนที่เหลืออีก 3,000 ล้านบาท กกพ.เสนอแนะว่าควรใช้เงิน Shortfall หรือเงินเป็นค่าชดเชยก๊าซที่ขาดหายไป จากการที่เชฟรอนผลิตก๊าซได้ต่ำกว่าสัญญาในช่วงเปลี่ยนมือผู้ถือสัมปทานแหล่งเอราวัณในอ่าวไทยมาเป็น ปตท.สผ.