“เมือง KK” ฐานลงทุนอดีตหัวหน้ามาเฟีย 14K ติดชายแดนไทย

อาชญากรรม
17 ม.ค. 66
13:32
2,880
Logo Thai PBS
“เมือง KK” ฐานลงทุนอดีตหัวหน้ามาเฟีย 14K ติดชายแดนไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เขตอุตสาหกรรมไซซีกัง มีพื้นที่ประมาณ 20 ตารางกิโลเมตร หากดูในแผนที่จะพบว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนหน้านี้เรียกว่าเมือง AA ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเมือง KK ผู้ลงทุนสร้างเมืองใหม่เพื่อเป็นฐานทำงานกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์เกือบทุกรูปแบบคือนายหวัน ค็อกคอย อดีตหัวหน้ากลุ่ม 14K จากมาเก๊า

ฝ่ายความมั่นคงของไทยในพื้นที่ให้ข้อมูลกับไทยพีบีเอสว่า เมือง KK ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของพันตรี เต่งวิน รองผู้บังคับกองพันกองกำลัง (กะเหรี่ยง BGF) พันตรีเต่งวินมีความสัมพันธ์อันดีกับพลเอกอาวุโสหมิ่นอ่องหล่าย นายกรัฐมนตรีของเมียนมาคนปัจจุบัน เมื่อหมิ่นอ่องหล่ายขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาล เขาได้ให้สิทธิในที่ดินผืนหนึ่งแก่พันตรีเต่งวิน นั่นก็คือที่ตั้งของเมือง KK ในปัจจุบัน

ผู้ลงทุนหลักของเมือง KK คือบริษัท ตงเหมยกรุ๊ป (Dongmei group) มีประธานบริษัทชื่อนายหวัน ค็อกคอย (Wan Kouk-koi) ฉายาไอ้ฟันหลอ อดีตหัวหน้ากลุ่ม 14K ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรระดับโลก

ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่นายหวันเริ่มมาลงทุนสร้างเมืองใหม่ KK ที่เมียวดี ประเทศเมียนมา เขาถูกกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางการเงิน ส่งผลให้ตงเหมยกรุ๊ป และบริษัทของนายหวันที่ประเทศปาเลา รวมถึงสมาคมเผยแพร่วัฒนธรรมจีนที่เขาก่อตั้งขึ้นที่ประเทศกัมพูชา อยู่ในรายชื่อองค์กรที่ถูกคว่ำบาตรตามไปด้วย

นายหวันระบุในงานเปิดตัวโครงการที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2563 ต่อหน้านักลงทุนชาวมาเลเซียว่า ตงเหมยกรุ๊ปตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ เนื่องจากเมืองเมียวดีที่ตั้งของเมือง KK “เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของรัฐบาลเมียนมา และเป็นจุดผ่านแดนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมียนมา” โดยเขาตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นเมืองเซินเจิ้นของภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ เลียนแบบความทันสมัยของเมืองท่าเซินเจิ้นของประเทศจีน

แต่ดูเหมือนแนวทางการพัฒนาเมืองใหม่ของอดีตหัวหน้ากลุ่ม 14K จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม ขณะนี้ ในสายตาชาวโลก KK กลายเป็นแหล่งอาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงคนจากประเทศต่างๆ ให้มาทำงานเป็นสแกมเมอร์ออนไลน์ ใครทำงานไม่ได้ตามเป้าจะถูกทำร้าย ทุบตี โดยล่าสุด ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว พบผู้เสียชีวิตเป็นชายสัญชาติมาเลเซียที่ถูกแฟนสาวซึ่งพบกันในโลกออนไลน์ หลอกให้เดินทางมาพบกันที่เมืองไทย แต่สุดท้ายลวงเขามาทำงานเป็นสแกมเมอร์ที่เมือง KK

หญิงไทยที่เคยถูกหลอกไปทำงานค้าประเวณีในปี 2564 ให้ข้อมูลกับ The EXIT ไทยพีบีเอสว่า เมือง KK มีประชากรประมาณ 1 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นคนจีน คนเมียนมาที่อยู่ที่นี่มักเป็นลูกจ้างทั่วไป หรือทำงานตำแหน่งรักษาความปลอดภัย เงินเดือนเริ่มต้นที่ 7,500 บาท

ที่นี่ยังมีศูนย์การค้าแบรนด์เนมหรู โรงแรม กาสิโน และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ซึ่งมีหมอประจำโรงพยาบาลเป็นคนจีน บ้านเดี่ยวสุดหรูเป็นที่อยู่ของเถ้าแก่ใหญ่และครอบครัว ขณะที่ลูกจ้างทำงานสแกมเมอร์ออนไลน์จะอยู่ในหอพักรวมกัน เช่นเดียวกับผู้หญิงจากประเทศต่างๆ ที่ถูกหลอกมาทำงานขายบริการ

เมือง KK ใช้สกุลเงินไทยเป็นหลัก สำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ สาธารณูปโภคที่ซื้อจากไทย คือ ไฟฟ้า ขณะที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสามารถใช้เครือข่ายของไทยได้ทุกค่าย โดยไม่ต้องเปิดโรมมิ่ง ทำให้สภาพความเป็นอยู่ในเมือง KK สะดวกสบายทุกอย่าง เว้นแต่ว่าค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไทยและไม่มีข้อห้ามเสพหรือค้ายาเสพติด

ไทยพีบีเอสบันทึกภาพการเติบโตของเมือง KK จากฝั่งไทยเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่าตัวเมืองขยายเกือบเต็มพื้นที่ พร้อมกับรั้วสูงกว่าสองเมตรและป้อมยามเป็นระยะๆ ประชิดกับชายแดนไทยซึ่งอยู่ติดกัน

 

จิราภรณ์ ศรีแจ่ม ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง