วันนี้ (19 ม.ค.2566) นายณัฐกร อุเทนสุต โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวถึงกรณีข่าวเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ในซอยอู่ทอง 37/2 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยได้จับกุมผู้จัดการร้านและมีการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัว นั้น
อ่านข่าว : ตร.ซ้อนแผนจับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต เรียกรับเงิน
โฆษกกรมสรรพสามิต ชี้แจงว่า การเข้าตรวจค้นจับกุมร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือตามที่ปรากฏเป็นข่าว เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมพบฐานความผิดในร้านดังกล่าวเป็นสินค้าแบตเตอรี ประเภทแบตเตอรีมือถือ 465 ก้อน ตามข้อกฎหมายมาตรา 204 ขายหรือมีไว้เพื่อขายสินค้า ที่มิได้เสียภาษี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5-15 เท่าของค่าภาษี ซึ่งเจ้าของร้านให้การสารภาพและยอมรับความผิด มีการเปรียบเทียบปรับ 80,101.48 บาท และค่าภาษี 16,020.30 บาท
แต่จากการที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้เข้าตรวจค้นจับกุมโดยไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบในการจับกุมตรวจค้น รวมถึงประเด็นการเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย กรมสรรพสามิตได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่ามีการประพฤติมิชอบหรือไม่
เบื้องต้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวพักงานและหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและรายงานผลให้ทราบภายใน 5 วัน หากพบว่าเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดังกล่าวกระทำผิดจริง กรมสรรพสามิตจะลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบในการจับกุมตรวจค้นนั้น เจ้าหน้าที่ต้องแสดงตัว โดยแต่งเครื่องแบบกรมสรรพสามิต หรือแสดงบัตรข้าราชการในขณะปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อจับกุมแล้วต้องทำบันทึกจับกุม โดยกรณีค่าปรับไม่เกิน 50,000 บาท สามารถปรับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ได้เลย ส่วนกรณีค่าปรับเกิน 50,000 บาท ต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวผู้ต้องหามาปรับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้ หากประชาชนพบการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่สรรพสามิต หรือพบการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1713 หรืออีเมล์ excise_hotline@excise.go.th