เปิดวิสัยทัศน์ผู้สมัครส.ส. อัครเดช-ศักดิ์ดา-รังสิมา

การเมือง
20 ม.ค. 66
14:40
894
Logo Thai PBS
เปิดวิสัยทัศน์ผู้สมัครส.ส. อัครเดช-ศักดิ์ดา-รังสิมา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

เปิดใจว่าที่ผู้สมัครส.ส. 2023 รุ่นทำโพล-เลือกพรรค-สมัครแล้วต้องได้ ชี้ประเมิน”กระแสตัวดี-กระแสพรรคดี- กระสุนไม่มี“ มั่นใจเข้าสภาฉลุย

ยังชุลมุนวุ่นวายทุกพรรคการเมือง ในการเฟ้นหาตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ แม้รัฐบาลยังไม่ประกาศยุบบสภา แต่การเปิดตลาดช้อปปิ้ง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ได้ข้อยุติระดับหนึ่งแล้วว่าใครจะโยก จะย้าย เปลี่ยนสีเสื้อ สลับพรรคไปอยู่พรรคการเมืองใด

แม้รายชื่อผู้สมัครของแต่ละพรรคยังไม่ลงตัวทั้งหมด ยกเว้นว่าที่ผู้สมัครกลุ่ม ”เหล้าเก่าในขวดใหม่” และ ”หน้าใหม่แกะกล่อง” ก่อนหน้านี้ได้ว่าจ้างทำโพลส่วนตัวเพื่อสำรวจคะแนนนิยมและความต้องของชาวบ้านในพื้นที่ว่าควรลงสมัครส.ส.ค่ายใด ที่สำคัญเมื่อเปิดตัวในนามพรรคใหม่แล้ว รับประกันว่า ได้รับเลือกให้เป็นส.ส.แน่ๆ

ประเดิมจากนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 4 จ.ราชบุรี ยังหนักแน่นอยู่กับพรรคเดิม ด้วยเหตุผล มีคนย้ายออกไปเยอะแล้ว และยังสบายใจกับการทำหน้าที่ ส.ส.ในพื้นที่บ้านเกิด ฐานเสียงของพรรคยังดี ชาวบ้านไม่ได้ขอให้ย้ายไปสังกัดพรรคอื่น แม้จะมีเพื่อนจากหลายพรรคมาชักชวน

นายอัครเดช บอกว่า เขาไม่ได้ทำโพล เพราะลงพื้นที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านมาตลอด 6 ปี มีคะแนนเสียงแน่นอนกว่าโพล ไปทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน รู้จักพื้นที่ทุกตารางนิ้ว จึงมั่นใจมากเพราะกระแสดีไม่มีตก ไม่จำเป็นต้องใช้กระสุน ส่วนคู่แข่งแม้จะน่ากลัว แต่ไม่กลัวเพราะคู่แข่ง ไม่เคยลงพื้นที่

ขณะที่นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่แกะกล่อง พรรคเพื่อไทย เขต 4 กาญจนบุรี เขต อ.เลาขวัญ -บ่อพลอย -หนองปรือ และห้วยกระเจา

เป็นอีกคนที่ยอมควักเงินส่วนตัวทำโพล ทั้งก่อนและหลังเกษียณอายุราชการ เพื่อใช้เป็นข้อมูลการตัดสินใจลงเลือกตั้ง หลังถูกหลายพรรคทาบทามให้ลงสมัคร ส.ส.

นายศักดิ์ดา กล่าวว่า ผลโพลจากชาวบ้านชี้ขาดว่า พร้อมจะเลือกหากลงสมัคร ส.ส.ในสังกัด ”เพื่อไทย” ดังนั้น จึงมั่นใจว่า สมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ได้เดินเข้าสภาแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์

ผมไม่นิยมสังกัดสีเสื้อใดทั้งสิ้น ลงพื้นที่ทุกวัน กระแสส่วนตัวผมดีมาก กระแสพรรคก็ดี ส่วนกระสุนไม่มี สู้ได้สบายมาก

เขาย้ำอย่างมั่นใจ

นายศักดิ์ดาเคยมีปัญหากับคู่ปรับเก่า นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.เพื่อไทย จ.มุกดาหาร คดีเรียกสินบนอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 5 ล้านบาท แลกการผ่านงบประมาณของกรม

ต่อมานายอนุรักษ์ ถูกศาลฎีกาตัดสินให้พ้นตำแหน่ง ส.ส. และถูกตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต แต่นายศักดิ์ดา บอกว่า ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับนายอนุรักษ์ ทำตามหน้าที่ขณะเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาถือว่าจบ ขอเดินหน้าต่อในฐานะนักการเมืองหน้าใหม่ในสภา

ส่วนน.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส. จังหวัดสมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเปลี่ยนไปสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังอยู่พรรคสีฟ้ามานานกว่า 26 ปี

บอกเหตุผลการย้ายพรรคครั้งนี้ว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต้องการให้ไปต่อกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่าอยู่กับพรรคเดิม และเหตุผลสำคัญ คือ ผลโพลปาร์ตี้ลิสในพื้นที่ชี้ชัดว่า คะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติมาเป็นลำดับหนึ่ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์หล่นไปลำดับ 5

ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ มองว่า การเมืองยุคนี้เปลี่ยนไปมาก หากส.ส.ไม่พลิกเกมจะกลายเป็นส.ส.สอบตก ต่างจากสมัยก่อนไม่เคยกังวล ลงสมัครแล้วตัดชุดคอยได้เลย แต่ปัจจุบันไม่เหมือนเดิม ประชาชนเปลี่ยนไป นอกจากนี้ กลุ่มฐานเสียงเก่าในพื้นที่ ผู้สูงอายุ คนแก่ มีกว่า 40,000 คน ล้มหายตายจากไปมากแล้ว

เมื่อวันที่ 7-8 ม.ค.66 ตรงกับเสาร์-อาทิตย์ มีงานเผาศพทั้งจังหวัดสมุทรสงคราม 16 วัด เผาไปเกือบ 30 ศพ เพราะตอนนี้ยังเป็น ส.ส. ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนกว่าจะมีการยุบสภา จะลาออกไปทำไม มีหน้าที่จะทำให้สุดๆไปก่อน

น.ส.รังสิมา กล่าว

นอกจากนี้ ยังย้ำว่าไม่หนักใจกับคะแนนเสียงของพรรคที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ เพราะตัวเลขคนกลุ่มนี้มีอยู่ 17,000 คะแนน แต่คะแนนของคนที่ชอบ”ลุงตู่”จะไม่ถูกแบ่งไป 2 พรรค เพราะคะแนนจะมาลงที่เราคนเดียว ไม่เช่นนั้น คะแนนเสียงจะถูกตัด

น.ส.รังสิมา กล่าวว่า คำว่า ”พรรรคเลือกคน คนเลือกพรรค” ใช้ไม่ได้แล้ว ยุคนี้ชาวบ้านเป็นผู้กำหนดให้ส.ส.ลงสมัครในพรรคการเมืองที่เขาต้องการ เราต้องดูผลโพลเป็นหลักว่า ชาวบ้านชอบใคร อยากให้ไปอยู่พรรคไหน ถ้ายังอยู่พรรคเดิมแล้วเขาไม่เลือก หรือลงสมัครส.ส.แล้วสอบตก จะลงทำไม

เธอกล่าวด้วยว่า ปัจจัยชี้ขาดคือผลโพลเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เงินก็ส่วนหนึ่ง สำหรับที่พื้นที่จ.สมุทรสงคราม เราสอนเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลเลยว่า ไม่เลือกเราไม่เป็นไร แต่อย่าเลือกคนที่เอาเงินมาซื้อเสียง ใครเอาเงินมาให้ รับไปเลย แต่พอเข้าคูหาเลือกตั้งแล้ว ใครจะรู้ว่าเราเลือกหรือไม่เลือกใคร

เข้าทำนอง”รับเงินหมา แต่กาพรรคที่เลือก”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง