รัฐบาลทหารเมียนมาต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ต่างประเทศ
2 ก.พ. 66
11:19
186
Logo Thai PBS
รัฐบาลทหารเมียนมาต่ออายุประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รัฐบาลทหารเมียนมาตัดสินใจขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้การเลือกตั้งที่เดิมคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ ต้องเลื่อนออกไปโดยปริยาย

เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2566 สำนักข่าว MRTV ของทางการเมียนมา รายงานว่า รักษาการประธานาธิบดีเมียนมาประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ.2566 เป็นต้นไป

ประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นตามญัตติของสภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติเมียนมา ที่ประเมินว่า สถานการณ์ความมั่นคงในประเทศยังไม่มีเสถียรภาพ และยังคงมีความเคลื่อนไหวจากทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้ง เป็นไปตามการคาดการณ์ของหลายฝ่าย หลังจากก่อนหน้านี้ สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติเมียนมาจัดการประชุมไปเมื่อวันที่ 31 ม.ค. และได้ข้อสรุปว่า เมียนมายังไม่ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญเมียนมาวินิจฉัยว่า การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไป ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

กองทัพเมียนมารับยังคุมพื้นที่ทั้งประเทศไม่ได้

ขณะที่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยอมรับว่า พื้นที่มากกว่า 1 ใน 3 ของทั้งประเทศยังไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ และยังต้องการเวลาเพื่อคืนความสงบก่อนจะจัดการเลือกตั้งได้

การขยายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินส่งผลให้การเลือกตั้งน่าจะต้องเลื่อนออกไป จากเดิมที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือน ส.ค.และขณะนี้ยังไม่มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่แน่ชัด โดยคาดว่าการเลือกตั้งจะจัดขึ้นก็ต่อเมื่อการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง

ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเมียนมา การเลือกตั้งจะจัดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อกองทัพส่งผ่านอำนาจบริหารงานต่างๆ ในรัฐบาลไปยังประธานาธิบดี เป็นเวลา 6 เดือนก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้ง และยังบัญญัติไว้ด้วยว่า เมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง รัฐบาลเมียนมาจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นภายในเวลา 6 เดือน

มีรายงานว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ให้เหตุผลไว้ 2 ข้อเพื่อสนับสนุนการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 1. คือการเลือกตั้งทั่วไปจะต้องจัดขึ้นได้ในอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเขตเลือกตั้งทั้งหมด และ 2. คือจะจัดเลือกตั้งได้ก็ต่อเมื่อมีการตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง