หลังจากที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้ปรับปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลถ้วยเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2023 ขึ้นใหม่ จากเดิมที่แข่งในเดือน มี.ค.-ก.ย. ปีเดียวกัน เปลี่ยนมาแข่งแบบข้ามปีแบบยุโรประหว่าง เดือน ก.ย.จนถึง มี.ค.ปีถัดไป
ต่อมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงได้ปรับโควตา ให้คล้องกับเอเอฟซี จากเดิมที่ในฤดูกาล 2021-2022 จะเป็น 2+2 ได้แก่ แชมป์ไทยลีก, แชมป์เอฟเอคัพ และ ทีมอันดับ 2 กับ 3 ของลีก เหลือเพียง 1+1 ได้แก่ แชมป์ไทยลีก กับ แชมป์เอฟเอคัพ
ขณะเดียวกันยังให้โควตาในฤดูกาล 2022-2023 อีก 1+1 ซึ่งมีแชมป์ไทยลีก กับ แชมป์เอฟเอคัพ โดยอ้างว่า เป็นมติจากเสียงของทีมไทยลีกส่วนใหญ่ ทำให้ 2 ทีมได้ที่สิทธิ์ในฤดูกาลที่ผ่านมาอย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 3 และ เมืองทองยูไนเต็ด ที่จบอันดับ 4 ถูกตัดสิทธิ์ไปอย่างเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้ง 2 สโมสร ได้ยื่นคัดค้านต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ บริษัท ไทยลีก จำกัด รวมถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อขอความเป็นธรรม
ล่าสุด มีรายงานว่า การฟ้องร้องคดีนี้ไปถึงศาลกีฬาโลก และได้มีการไต่สวนครั้งแรกไปแล้ว ขณะที่ทั้ง 2 สโมสร ยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ออกมา แต่ว่าการพิจารณาของศาลกีฬาโลกมีกระบวนการขั้นตอนที่ใช้เวลานาน และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะทันเส้นตาย ส่งชื่อทีมที่ได้สิทธิ์ให้กับเอเอฟซีในเดือน เม.ย.นี้หรือไม่
ทั้งนี้ มี 2 กรณี ที่ทั้ง 2 ทีมจะได้สิทธิ์ ในฤดูกาลนี้แบบไม่ต้องลุ้นผลจากศาลกีฬาโลก คือ กรณีแรก ทั้งเมืองทอง และ แบงค็อก ต้องคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ให้ได้สถานเดียว หรือ กรณีที่ 2 หากบุรีรัมย์ คว้าแชมป์ไทยลีก และ แชมป์เอฟเอคัพได้ สิทธิ์จะตกไปอยู่กับ อันดับ 2 และ 3 ในลีก ซึ่งแบงค็อก มีโอกาส เนื่องจากอยู่อันดับ 2 ขณะที่เมืองทอง โอกาสอาจจะยาก เพราะอยู่ที่ 10 ตามอันดับ 3 ถึง 11 คะแนน